
นาดา ชูเอรี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จำเป็นต้องเดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน ส่วนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยควรดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านการค้าทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่น
ชูเอรีกล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นทำผลงานได้ดีเกินคาดในปีนี้ เนื่องจากการอุปโภคบริโภคและการส่งออกที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ การทำข้อตกลงการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ ยังช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดจากความไม่แน่นอนได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ดี ชูเอรีกล่าวว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง เนื่องจากการเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังคงไม่แน่นอน รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ภาวะการเงินโลกที่เคยผ่อนคลาย จะกลับมาตึงตัวอีกครั้ง
ชูเอรียังกล่าวด้วยว่า มีความไม่แน่นอนว่าค่าจ้างในญี่ปุ่นจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและช่วยหนุนการบริโภคได้เพียงพอที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย 2% ของ BOJ ได้อย่างยั่งยืนหรือไม่
ทั้งนี้ ชูเอรีกล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการประชุมประจำปีของ IMF และธนาคารโลกที่กรุงวอชิงตันในวันพุธ (15 ต.ค.) ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่แน่นอน และเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BOJ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งภายในเดือนม.ค.ปีหน้า ชูเอรีกล่าวว่า สิ่งสำคัญคือต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และต้องพิจารณาข้อมูลทั้งหมดที่เข้ามา
คณะกรรมการ BOJ จะจัดการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 29-30 ต.ค. จากนั้นจะจัดการประชุมเดือนธ.ค. และเดือนม.ค.ปีหน้า
ส่วนในการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ก.ย. คณะกรรมการ BOJ มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.5% ซึ่งเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกัน หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับปัจจุบันในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากดำเนินมาตรการผ่อนคลายเป็นพิเศษมานานนับ 10 ปี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ต.ค. 68)