
ผู้พัฒนาเกมรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง นินเทนโด (Nintendo Co.) และ แคปคอม (Capcom Co.) กำลังเร่งผลักดันการนำตัวละครและโลกของเกมไปสู่จอภาพยนตร์ หวังเพิ่มรายได้และสร้างแบรนด์เติบโตระดับโลก
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นินเทนโดวางแผนที่จะปล่อยภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่อง “The Super Mario Galaxy Movie” ในเดือนเมษายน 2569 ตามด้วยภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่ดัดแปลงจากเกม “The Legend of Zelda” ในเดือนพฤษภาคม 2570
ก่อนหน้านี้ในเดือนสิงหาคม นินเทนโดเพิ่งดำเนินการปรับโครงสร้างบริษัทในเครือเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจการจัดอีเวนต์และสินค้าจากตัวละครในภาพยนตร์ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากภาพยนตร์ “The Super Mario Bros. Movie” ที่ออกฉายในปี 2566 ซึ่งนินเทนโดร่วมผลิตกับสตูดิโอแอนิเมชันรายใหญ่ของสหรัฐฯ อย่าง อิลลูมิเนชัน (Illumination) ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามและทำลายสถิติทั่วโลก ส่งผลให้ยอดขายเกมในแฟรนไชส์ดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น
ชิเงรุ มิยาโมโตะ ผู้บริหารของนินเทนโด และผู้สร้างเกมซูเปอร์มาริโอ มองว่าการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เป็นช่องทางให้แฟน ๆ ได้กลับมาเชื่อมโยงกับเกมของบริษัทอีกครั้ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่กว้างขึ้นในการผลักดันให้นินเทนโดเติบโตเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ยั่งยืน
“ในที่สุดเกมก็จะหยุดทำงานเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ ๆ ออกมา แต่ภาพยนตร์จะคงอยู่ตลอดไป” เขากล่าว
ด้านบริษัทแคปคอมพยายามผลักดันยอดขายเกมผ่านการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มานานแล้ว โดยบริษัทมีส่วนร่วมในภาพยนตร์ถึง 21 เรื่อง นับตั้งแต่ภาพยนตร์แอ็กชันเรื่อง “Street Fighter” ที่นำแสดงโดย ฌอง-คล็อด แวน แดมม์ ในปี 2537 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องใหม่ในแฟรนไชส์นี้มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในเดือนตุลาคม 2569
นอกจากนี้ บริษัทยังได้สร้างภาพยนตร์ฉบับคนแสดงที่ดัดแปลงจากเกมยอดนิยมอื่น ๆ เช่น “Resident Evil” และ “Monster Hunter” อีกด้วย
ฮิเดกิ ยาซุดะ นักวิเคราะห์อาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์โตโย กล่าวว่า การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญา (IP) อย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยกระจายรายได้และเพิ่มการรับรู้แบรนด์
เขากล่าวว่า เกมขยายครอบคลุมทุกยุคทุกสมัย และภาพยนตร์สามารถกระตุ้นความรู้สึกถวิลหาอดีต ส่งผลให้ผู้คนกลับไปซื้อเกมที่เคยเล่น จึงถือเป็นการสร้างผลลัพธ์ที่เสริมกันได้เป็นอย่างดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ต.ค. 68)