เงินบาทเปิด 32.82 แนวโน้มอ่อนค่า จับตาราคาทองพักฐาน คาดกรอบวันนี้ 32.70-32.95

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 32.82 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าลงจากปิดสัปดาห์ก่อนที่ระดับ 32.66 บาท/ดอลลาร์

โดยตั้งแต่คืนวันศุกร์เงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง และมีจังหวะอ่อนค่าลงทะลุแนวต้าน 32.80-32.85 บาท/ดอลลาร์ หลังความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มคลี่คลายลง หนุนให้ผู้เล่นในตลาดการเงินสหรัฐฯ เดินหน้าเปิดรับความเสี่ยง ส่งผลให้ดอลลาร์รีบาวด์แข็งค่าขึ้น พร้อมกับการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ กดดันให้ ราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการปรับฐาน และเป็นอีกปัจจัยที่กดดันเงินบาทให้อ่อนค่าลง

โดยสัปดาห์นี้ ต้องจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ อาทิ อัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ และดัชนี PMI ของบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก พร้อมติดตาม ประเด็นความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมถึง พัฒนาการทางการเมืองญี่ปุ่น

สำหรับแนวโน้มเงินบาทนั้น โมเมนตัมการอ่อนค่าของเงินบาทกลับมามีกำลังมากขึ้น หลังราคาทองคำได้ปรับตัวลงในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน และมีแนวโน้มที่ราคาทองคำอาจจะเข้าสู่ช่วงการพักฐาน

“หากราคาทองคำเข้าสู่ช่วงการพักฐานได้จริง ก็อาจเป็นปัจจัยกดดันเงินบาทฝั่งอ่อนค่า หรืออย่างน้อยก็อาจชะลอการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทได้” นายพูนระบุ

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้จะอยู่ที่ระดับ 32.70-32.95 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยน อยู่ที่ระดับ 151.19 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 149.65/66 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1660 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1701/02 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.590 บาท/ดอลลาร์
  • เล่งหงษ์ จับตาราคาทองคำพักฐานระยะสั้น ชี้ยังมีแรงซื้อหนุนระยะยาว ลุ้นทดสอบแนว 68,000 บาท และมีโอกาสแตะ 70,000 บาท
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร และปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (17 ต.ค.) แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส และเยน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้า และความไม่มั่นใจในภาคธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ
  • สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของฝรั่งเศสลงมาอยู่ที่ระดับ “A+/A-1” พร้อมคงแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือที่ “มีเสถียรภาพ” โดยให้เหตุผลว่าฐานะการคลังของประเทศยังคงมีความไม่แน่นอนสูง แม้ว่ารัฐบาลเพิ่งเสนอร่างงบประมาณปี 2569 ต่อรัฐสภาในสัปดาห์นี้ก็ตาม
  • มูดี้ส์ เรทติ้งส์ สถาบันจัดอันดับความเชื่อถือระหว่างประเทศ ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลที่ระดับ Baa1 โดยระบุว่า ข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา ถือเป็นปัจจัยบวกต่อความน่าเชื่อถือทางการเงินของอิสราเอล แต่ชี้ว่าอิสราเอลยังคงเผชิญความเสี่ยงในระดับสูง
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.0% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเอาไว้ที่ระดับ 3.5% ในวันนี้ (20 ต.ค.) ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด
  • China Foreign Exchange Trading System (CFETS) รายงานว่า อัตราค่ากลางสกุลเงินหยวนในวันนี้อ่อนค่าลง 0.0024 หยวน แตะที่ระดับ 7.0973 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ในตลาดปริวรรตเงินตราต่างประเทศของจีนนั้น เงินหยวนได้รับอนุญาตให้ปรับตัวขึ้นหรือลงไม่เกิน 2% จากอัตราค่ากลางของการซื้อขายแต่ละวัน
  • เกาหลีใต้ เตรียมบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางการเงินต่อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรม ซึ่งมีฐานอยู่ในกัมพูชาภายในเดือนนี้ พร้อมทั้งวางแผนที่จะขยายการสืบสวนการฟอกเงิน ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายในสิ้นปีนี้ด้วย
  • ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ที่จะมีการรายงานในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board, ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ย., ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการขั้นต้นเดือนต.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 68)