
MASTEC ปิดเทรดวันแรก 1.35 บาท ลดลง 0.10 บาท (-6.90%) จากราคา IPO 1.45 บาท มูลค่าซื้อขาย 570.12 ล้านบาท จากราคาเปิด 1.78 บาท ราคาสูงสุด 1.83 บาท ราคาต่ำสุด 1.35 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุว่า บมจ.แมสเทค ลิ้งค์ [MASTEC]จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้นด้วย PER ย้อนหลัง 2 ปี ของคู่แข่งในตลาดที่ 9.6x เท่า มองว่ามูลค่าเหมาะสมสำหรับ FY26F ของบริษัท ณ ราคา IPO มี Upside
MASTEC ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดหาผลิตภัณฑ์ด้านวิศวกรรมเพื่อจำหน่าย ประกอบด้วย 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ คือ 1) ผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศและสุขาภิบาล 2) ผลิตภัณฑ์การป้องกันอัคคีภัยและผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย 3) ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมด้วยการให้คำปรึกษา นำเสนอโซลูชั่นและให้บริการด้านวิศวกรรม
บริษัทเผยแผนการเติบโตในระยะ 3-5 ปี เน้นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีโอกาสเติบโตสูงจากเทรนด์ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์และมุ่งสู่ Net Zero ควบคู่กับการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ระบบปรับอากาศ สุขาภิบาล และการป้องกันอัคคีภัย โดยบริษัทต้องการมุ่งเป็นผู้นำเสนอโซลูชันพร้อมเทคโนโลยีวิศวกรรมงานระบบอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแบบครบวงจร ซึ่งเป็นรูปแบบที่ได้รับความสนใจในปัจจุบัน
ความสามารถทางการแข่งขันเนื่องจากความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จากที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และเป็นตัวแทนจำหน่ายของ Supplier ชั้นนำกว่า 30 แบรนด์ และมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญกว่า 25 ปี ในการเสนอโซลูชันด้านวิศวกรรมที่ครอบคลุมและครบวงจร ซึ่งเป็นระบบและผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อความปลอดภัยของตึกอาคาร สำนักงาน รวมศูนย์บริการต่างๆทั่วประเทศ และเป็นระบบที่จำเป็นต้องมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศกร และทีมผู้เชี่ยวชาญสำหรับการให้บริการตั้งแต่การทำความเข้าใจแบบวิศวกรรม ออกแบบระบบในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯจำหน่าย ศึกษา ตรวจสอบ ให้คำปรึกษา เพื่อนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมทั้งด้านเทคโนโลยีของผลิตภัณฑ์ ข้อกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสอดคล้องงบประมาณโดยรวมของลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทได้รับอนุสิทธิบัตร เมื่อในวันที่ 26 มิถุนายน 2568 สำหรับ ระบบบำบัดน้ำ จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเป็นอุปกรณ์อัจฉริยะควบคุมคุณภาพน้ำในหอผึ่งน้ำ (Cooling Tower) หรือในสระว่ายน้ำ ซึ่งเป็น IoT Controller อัจฉริยะ ที่สามารถประมวลผลตัวแปรที่อ่านค่าจาก Censor พร้อมทำการควบคุม equipment ต่างๆ ให้ทำงานสอดประสานกันให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในขณะที่ประหยัดพลังงานสูงสุด
สำหรับ 1H68 บริษัทมีกำไรสุทธิ 5.34 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 1.34% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น ต้นทุนทางการเงินลดลง และขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ทางการเงินที่ลดลงจากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตของลูกหนี้การค้าที่ลดลงซึ่งเกิดการประเมินติดตามลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพขึ้นตามการจัดโครงสร้างแผนกการเงินและกำลังพลที่เหมาะสม และจำกัดธุรกรรมกับลูกหนี้ที่มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน เมื่อเทียบ 1H24 ซึ่งบริษัทมีกำไรสุทธิ 0.51 ล้านบาทคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 0.13% สาเหตุหลักมาจากขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ทางการเงินจากการตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตของลูกหนี้การค้า
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2H68 คาดรายได้อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายเดิมของบริษัท เนื่องจากปัจจัยกดดันทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงมาตรการทางการค้าของสหรัฐอเมริกาและความเสี่ยงด้านการส่งออก โดยบริษัทอาจได้รับผลกระทบเนื่องจากบริษัทเน้นการขายสินค้าเข้างานโครงการอาคารพาณิชย์หรืออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับงานระบบภายในอาคาร ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงตามการเติบโตหรือหดตัวของภาคการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่งมีความสัมพันธ์กับทิศทางเศรษฐกิจโดยรวม ณ วันที่ 30 มิ.ย. บริษัทมีงานในมือรอส่งมอบส่วนใหญ่ในปีนี้ราว 343 ล้านบาท
ความเสี่ยงหลักของบริษัทประกอบด้วย
(1) ความเสี่ยงจากการถูกยกเลิกการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า
(2) ความเสี่ยงจากการแข่งขันทั้งผู้ประกอบการรายเดิมและรายใหม่
(3) ความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพคล่อง
(4) ความเสี่ยงจากการที่สินค้าค้างนานจากระบบจัดซื้อและบริหารสินค้า
(5) ความเสี่ยงจากการไม่สามารถปรับราคาขายได้ทันต่อการปรับราคาของซัพพลายเออร์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ต.ค. 68)





