ทองปิดร่วง $118.10 นลท.เทขายหลังเจรจาการค้าส่งสัญญาณคืบหน้า

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันจันทร์ (25 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดความต้องการถือครองทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในสัปดาห์นี้

  • ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 118.10 ดอลลาร์ หรือ 2.85% ปิดที่ 4,019.70 ดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4,381.21 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 20 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่ได้ร่วงลง 3.2% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเริ่มคลี่คลายลง

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในรายการ Meet The Press ของสำนักข่าว NBC News เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐฯ มีแนวโน้มบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีน ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯ หลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 100% ขณะที่จีนจะยอมเลื่อนการควบคุมการส่งออกแร่หายาก

การเปิดเผยของเบสเซนต์ มีขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ มีกำหนดพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ในวันพฤหัสบดีที่ 30 ต.ค.นี้ นอกรอบการประชุมเอเปคที่เกาหลีใต้

ทั้งนี้ แม้ว่านักวิเคราะห์และนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงมีมุมมองบวกว่าราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 5,000 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ก็มีนักวิเคราะห์บางรายที่เริ่มไม่มั่นใจว่าความแข็งแกร่งของราคาทองคำจะยั่งยืนหรือไม่ โดยนักวิเคราะห์จากบริษัท Capital Economics ได้ปรับลดคาดการณ์ราคาทองคำลงสู่ระดับ 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ภายในสิ้นปี 2569

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 28-29 ต.ค. โดยคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมรอบนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ที่ 31 ต.ค. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 68)