หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเข้าพักตัวรับแรงกดดันขยายเวลา DELTA ติด Cash balance

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดพักตัวรับแรงกดดันหุ้น DELTA ถูกขยายช่วงเวลามาตรการกำกับการซื้อขาย ระดับที่ 1 ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance อย่างไรก็ตาม คาดว่าเม็ดเงินจะย้ายเข้าหุ้นขนาดใหญ่ตัวอื่น ๆ ที่เก็งผลประกอบการเติบโตดี

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ การเจรจาการค้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน แม้โทนจะออกมาเป็นบวก แต่การตอบสนองต่อตลาดอาจไม่ได้มีผลมากนัก เนื่องจากหลายข้อตกลงอยู่ในความคาดหมายของตลาด แต่ประเด็นดังกล่าวจะช่วยลดความเสี่ยงสงครามภาษีการค้า และความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกในระยะกลาง

โดยให้กรอบแนวรับ 1,300 จุด และแนวต้าน 1,320 จุด

 

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

 

– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 47,522.12 จุด ลดลง 109.88 จุด หรือ -0.23%, ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,822.34 จุด ลดลง 68.25 จุด หรือ -0.99% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,581.14 จุด ลดลง 377.33 จุด หรือ -1.57%

– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดผสมผสาน ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดตลาดที่ระดับ 51,629.80 จุด เพิ่มขึ้น 304.19 จุด หรือ +0.59% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,263.01 จุด ลดลง 19.68 จุด หรือ -0.07% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,985.06 จุด ลดลง 1.84 จุด หรือ -0.05%

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ต.ค) 1,314.65 จุด ลดลง 0.99 จุด (-0.08%) มูลค่าซื้อขาย 45,473.27 ล้านบาท

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (30 ต.ค) 483.16 ล้านบาท

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค. (30 ต.ค) เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.15% ปิดที่ 60.57 ดอลลาร์/บาร์เรล

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ต.ค) อยู่ที่ 8.26 เหรียญ/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 32.31/32 แข็งค่าตามภูมิภาค คาดกรอบวันนี้ 32.20-32.50

– สศค.ขยับคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 68 จีดีพีโต 2.4% จาก 2.2% ด้วยอานิสงส์เร่งส่งออกหนีภาษีทรัมป์-คนละครึ่งพลัส ส่วนปี 69 แผ่วลงเหลือโต 2% ส่งออกติดลบ 1.5% ผลจากการเร่งส่งออกในปี 68

– รมว.พาณิชย์ เผยได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เร่งผลักดันธุรกิจ แฟรนไชส์ไทยออกไปทำตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีกว่า 48 ราย และออกไปลงทุนในตลาดต่างประเทศได้แล้ว 31 ประเทศ เพื่อต้องการช่วยผู้ประกอบการขยายตลาด ผลักดันแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จัก และสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้น

– เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เผยคณะอนุกรรมการพิจารณาส่งเสริมการลงทุนได้อนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุนโครงการของบริษัท การ์มิน ชลบุรี (ประเทศไทย) จำกัด ในเครือบริษัท Garmin Ltd. (Switzerland) เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะภายใต้แบรนด์ Garmin มูลค่าลงทุน 3,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตแห่งแรกในอาเซียนของบริษัท คาดว่าจะเริ่มผลิตภายในปี 2569 เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ

– อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เดือน พ.ย.2568 กรมเตรียมจัดคณะผู้แทนเดินทางไปเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ 3 งาน เพื่อประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ข้าวไทยและสร้างความตระหนักรู้ข้าวไทยให้กับผู้บริโภคข้าวในต่างประเทศ ภายใต้แคมเปญ “Think Rice Think Thailand”

– สศอ.เผย MPI เดือน ก.ย.68 กลับมาขยายตัว 1.02% รับแรงหนุนจากรถอีวียอดขายพุ่งดันอุตฯ ยานยนต์ฟื้น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ คาด “คนละครึ่งพลัส” ช่วยดัน GDP อุตฯ โต 0.1% หรือขยายตัวประมาณ 15,000 ล้านบาท

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 220 บาท กำไรปกติปีนี้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 3/68 แม้ว่าส่วนต่างราคาสินค้าปิโตรเคมีใน ต.ค.ยังถูกดดันจากต้นทุนแนฟทาสูง แต่ธุรกิจอื่นเดินหน้าเข้าสู่ High season แม้ว่าธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ในภาวะ Oversupply ไปอีก 1 ปี แต่ SCC อยู่รอดได้จากการควบคุมต้นทุนและรายจ่ายเข้มข้น เพิ่มสัดส่วนสินค้ามูลค่าเพิ่ม เน้นขายผลิตภัณฑ์ที่มีมาร์จิ้นสูง ลดภาระหนี้ รักษาสภาพคล่อง เราคาด EBITDA ขยายตัวปีละ 8-12% ในระยะ 3 ปีข้างหน้า

– ITC (ลิเบอเรเตอร์) ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 812 ล้านบาท และกำไรปกติที่ 787 ล้านบาท ดีกว่าคาด 8% จากสัดส่วนขายสินค้า Premium มากขึ้น ผสานอัตราภาษีจ่ายลดลง แนวโน้มไตรมาส 4/68 คาดยังคงดีต่อเนื่องจากลูกค้าใหม่ที่ยอดขายทยอยเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยเร่งต่อการทำกำไรในช่วงที่เหลือของปี และต่อเนื่องในปีหน้า

– CPN (เมย์แบงก์) ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 64.00 บาท เราคาดกำไรไตรมาส 3/68 ที่ 4.5 พันล้านบาท (+2%YoY, +8%QoQ) จากอัตรากำไรที่ดีขึ้น และต้นทุน S&GA ที่ลดลง ในขณะที่คาดไตรมาส 4/68 กำไรทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 4.9 พันล้านบาท หนุนจากพื้นที่เช่าใหม่และการโอนคอนโด ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE’68 ที่ 13 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) พร้อมกับอัตราเงินปันผล 4.6% ในขณะที่เราคาด กำไรปี 69 เติบโต 9%YoY จากการรับรู้พื้นที่เช่าใหม่เต็มปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 68)