นายกฯ สั่งเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือไทย-จีนทุกมิติ

สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ (ภาพ: Thaigov)

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ได้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า สืบเนื่องจากที่ได้มีโอกาสตามเสด็จพระราชดำเนินเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 13-17 พ.ย. 68 ตามคำทูลเชิญของ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ ด้วยทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนจีน เพื่อทรงเจริญพระราชไมตรีและกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อีกทั้งเป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบ 50 ปี

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการในที่ประชุม ครม. ว่า

  • กระทรวงต่าง ๆ ที่ได้ลงนามกรอบความร่วมมือกับจีนไปแล้ว หรือที่กำลังจะลงนามทำความตกลงในอนาคต ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เช่น การอำนวยความสะดวกทางด้านการค้า การตรวจสอบสินค้า การขนส่ง การดึงดูดการค้าการลงทุน เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศและประชาชน
  • ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำกับดูแลการตรวจสอบ กักกัน และการออกใบรับรองสุขอนามัยสินค้าต่าง ๆ ทั้งสินค้าพืช ปศุสัตว์ และประมง ที่จะส่งออกไปยังจีน ให้เป็นไปตามมาตรฐาน ปลอดภัย สามารถส่งออกได้อย่างต่อเนื่อง
  • ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เร่งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย

นอกจากนี้ นายสิริพงศ์ กล่าวว่า ตามที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้แจ้งความประสงค์จะซื้อข้าวจากไทย 5 แสนตัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ เตรียมความพร้อมในรายละเอียดที่จะมีการลงนามกัน และคาดว่า การลงนามจะเกิดขึ้นในเดือนธ.ค. นี้ และได้ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เตรียมความพร้อมสต๊อกข้าวที่มีคุณภาพตามมาตรฐานที่จีนต้องการไว้ให้พร้อมสำหรับการส่งออกด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงกลางเดือนธ.ค. นี้ ที่กรุงเทพฯ พร้อมเตรียมการต้อนรับนายกรัฐมนตรีจีน รวมถึงความพร้อมในด้านต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สมเกียรติ และเหมาะสมด้วย

 

*เร่งชี้แจงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา ยันไม่โยงเจรจาภาษีสหรัฐ

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงสถานการณ์ไทย-กัมพูชา โดยมอบหมายโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงและเน้นย้ำให้ประชาชน เข้าใจว่า “ทางประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่า ไม่ได้นำประเด็นการระงับปฏิญญาของไทยมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีทางการค้า ระหว่างไทยกับสหรัฐ ที่กำลังดำเนินการอยู่ขณะนี้”

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กำชับกับกระทรวงกลาโหมให้เร่งดำเนินการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อแสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยรักษาคำมั่นที่ให้ไว้กับทุกฝ่าย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)