
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้กระทรวงมหาดไทยปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ความเป็นจริงที่มีความรุนแรง และครอบคลุมความเดือดร้อนของประชาชนจำนวนมาก โดยยังคงใช้วงเงินงบประมาณเท่าเดิม ด้วยการเพิ่มกรณีผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ได้อาศัยอยู่ในอาคารบ้านเรือนที่มีน้ำท่วมขัง แต่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีน้ำล้อมรอบและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ติดต่อกันเกินกว่า 7 วันขึ้นไป (เดิมให้เฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในอาคารบ้านเรือนที่มีน้ำท่วมขัง) จะได้รับเงินช่วยเหลือในอัตราครัวเรือนละ 9,000 บาทด้วย
“เดิมคนที่ได้รับการเยียวยาคือบ้านต้องแช่น้ำ แต่ได้รับทราบว่าคนที่ถูกน้ำล้อมรอบก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นกัน” นายสิริพงศ์ กล่าว
สำหรับเกณฑ์ในการเยียวยาก่อนหน้านี้ทุกกรณีครัวเรือนละ 9,000 บาท แต่จะได้รับเงินเยียวยาเพิ่มเติม
(1) ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 31-60 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 5,000 บาท
(2) ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 61-90 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 10,000 บาท
(3) ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 91-120 วัน ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 15,000 บาท
(4) ถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันตั้งแต่ 121 วันขึ้นไป ให้ความช่วยเหลือ ครัวเรือนละ 20,000 บาท
“ถ้าท่วมเกิน 1 เดือนจากเดิมได้ 9,000 บาท ก็จะเป็น 14,000 บาท ถ้านานเกิน 2 เดือนก็จะเป็น 19,000 บาท ถ้านานเกิน 3 เดือนก็จะได้เป็น 24,000 บาท และเกิน 4 เดือนขึ้นไปจะได้ 29,000 บาท” นายสิริพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ มติ ครม.เมื่อวันที่ 21 ต.ค.68 อนุมัติกรอบวงเงินงบกลางฯ ปี 69 จำนวน 6,170 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 68 ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.68 ในอัตราเดียวคือ ครัวเรือนละ 9 พันบาท โดยกระทรวงมหาดไทยรายงานว่ามีผู้ได้รับผลกระทบ 685,554 ครัวเรือน ใน 65 จังหวัด ซึ่งได้จ่ายเงินเยียวยาไปแล้ว 2,520 ล้านบาท คิดเป็น 40.85%
“คาดการณ์ว่าจะมีผู้ที่ได้รับสิทธิได้รับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมอีกประมาณ 21,176 ครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 9,000 บาทมาก่อน และกรณีที่มีผู้ประสบอุทกภัยขึ้นใหม่ภายใต้หลักเกณฑ์นี้หากเคยได้รับเงินช่วยเหลือไปแล้วจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือซ้ำอีก” นายสิริพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรียังมีความห่วงใยผู้ที่ประสบอุทกภัยนานเกินกว่า 4 เดือน โดยให้คณะกรรมการไปพิจารณาหลักเกณฑ์ช่วยเหลือเพิ่มเติม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)





