โกลเบล็ก เก็ง SET แกว่ง Sideway Down รับแรงกดดันดอกเบี้ยสหรัฐไม่แน่นอน เกาะติดหุ้นเข้า-ออก MSCI

บล.โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนีหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหว Sideway Down ในกรอบ 1,220-1,280 จุด จากแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ ทั้งตัวเลขแรงงานล่าสุดของสหรัฐที่สะท้อนความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน และแนวโน้มดอกเบี้ย พร้อมแนะเก็งกำไรหุ้น MSCI Rebalance ปรับน้ำหนักการลงทุน

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ GBS ประเมินแนวโน้มดัชนีตลาดหลักทรัพย์ (SET Index) ในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway Down โดยปัจจัยสำคัญที่ยังสร้างความไม่ชัดเจน ได้แก่ ข้อมูลแรงงานล่าสุดของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสะท้อนภาวะตลาดแรงงานที่ยังไม่แน่นอน รวมถึงทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการประชุมเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ โดยคาดว่าดัชนี SET จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,220-1,280 จุด

สำหรับปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อบรรยากาศการลงทุนในช่วงนี้ โดยแบ่งเป็นปัจจัยบวกและปัจจัยลบ ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกและทิศทางเศรษฐกิจไทย สำหรับปัจจัยบวก ยังคงเป็นการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนกันยายน ของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 119,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 53,000 ตำแหน่ง หลังจากที่เดือนสิงหาคมการจ้างงานลดลง 4,000 ตำแหน่ง สะท้อนถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์

และข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group ที่ได้ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 73.3% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 39.1% ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อทิศทางการเงินโลก

ส่วนปัจจัยบวกในประเทศไทย ยังคงเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล หลังจากนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ได้เปิดฉากทัศน์ Thailand 2026 “ปรับ-เปลี่ยน-ไปต่อ” โดยประเมินว่าแนวทาง Quick Big Win จะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/68 ช่วยลดความเสี่ยงจากการชะลอตัว และสร้างความเชื่อมั่นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระยะต่อไป

ส่วนปัจจัยลบที่น่าจับตา ตัวเลขอัตราการว่างงานเดือนกันยายนเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 และสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ 4.3% แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้นเกินคาด และการลดความสำคัญต่อความร่วมมือพหุภาคีหลังทำเนียบขาวประกาศว่าสหรัฐฯ จะไม่เข้าร่วมการหารืออย่างเป็นทางการใด ๆ ในการประชุมสุดยอด กลุ่ม G20 ที่จะจัดขึ้นในแอฟริกาใต้

“นอกจากนี้ IMF ประเมินว่า GDP โลกปี 2568 จะขยายตัวที่ 3.2% และปี 2569 จะชะลอตัวลงเหลือเพียง 3.1% ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปีที่ 3.7% สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ช้ากว่าที่คาดการณ์”

ขณะเดียวกัน ยังคงต้องเฝ้าระวังปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุนได้เช่นกัน อาทิ สัปดาห์ที่ 4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม, สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, วันที่ 28 พ.ย. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย, วันที่ 17 ธ.ค. กำหนดประชุมกนง. ครั้งที่ 6/2568

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่ยังเฝ้าติดตาม อาทิ วันที่ 24 พ.ย. สหรัฐฯ รายงานดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดสาขาดัลลัส ดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ย.และต.ค.จากเฟดสาขาชิคาโก, วันที่ 25 พ.ย. สหรัฐฯ ADP รายงานตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนรายสัปดาห์ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.จาก Conference Board, วันที่ 9-10 ธ.ค. ประชุมเฟดครั้งที่ 8/6819 พ.ย. สหรัฐฯ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์

นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้น MSCI Rebalance ปรับน้ำหนักการลงทุน เพื่อสะท้อนโครงสร้างตลาดและสภาพคล่องของหุ้นที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 หุ้นเข้าได้แก่ M แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ส่วนหุ้นออก ได้แก่ AAV, CKP, JTS, QH, TPIPP แนะนำ “ระวังแรงขาย” หุ้นที่ถูกปรับออก

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 พ.ย. 68)