
คาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ (1 ธ.ค.) ว่า BOJ จะพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ในการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 ธ.ค.นี้ พร้อมระบุถึงความจำเป็นในการปรับระดับการผ่อนคลายนโยบายการเงินโดยไม่ให้ “ช้าเกินไปหรือเร็วเกินไป”
อุเอดะกล่าวในการประชุมผู้นำธุรกิจท้องถิ่นซึ่งจัดขึ้นที่จัดหวัดนาโกยา ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่นว่า BOJ กำลังรวบรวมข้อมูลอย่างจริงจังเกี่ยวกับท่าทีของบริษัทต่าง ๆ ที่มีต่อการปรับขึ้นค่าจ้าง โดยเขากล่าวว่า BOJ จำเป็นต้องตรวจสอบข้อมูลค่าจ้าง เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าจะกลับมาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่
อุเอดะย้ำว่าจุดยืนของ BOJ ในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและราคา พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ เริ่มลดน้อยลงแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ และกล่าวว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเงินเฟ้อตามที่ BOJ ได้ประเมินไว้ในสถานการณ์พื้นฐานนั้น “เพิ่มขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การแสดงความเห็นของอุเอดะมีขึ้นในขณะที่ตลาดการเงินคาดการณ์ว่า BOJ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมระหว่างวันที่ 18-19 ธ.ค. ท่ามกลางแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการอ่อนค่าของเงินเยน โดยเงินเยนที่อ่อนค่าทำให้ต้นทุนการนำเข้าของญี่ปุ่นปรับตัวสูงขึ้น
ผู้ว่าการ BOJ ยังกล่าวด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของค่าเงินมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อราคามากกว่าเมื่อก่อน พร้อมเสริมว่า BOJ จะให้ความสนใจกับความเป็นไปได้ที่ว่าการเปลี่ยนแปลงของราคาเหล่านี้ อาจส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ผ่านการเปลี่ยนแปลงของตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อ
นักลงทุนในตลาดบางส่วนเชื่อว่าเป็นเรื่องยากสำหรับ BOJ ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายใต้รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
อย่างไรก็ตาม อุเอดะกล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายภายใต้สภาวะทางการเงินแบบผ่อนคลายนั้น เป็นเรื่องของการ “ผ่อนคันเร่ง” เพื่อให้บรรลุการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคา และ “ไม่ใช่การเหยียบเบรก”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 68)





