กกต.โวยโดนหางเลขซื้อเสียงฟาดกลับต้องโทษ “คนขาย” ชี้พรรคใหญ่ต้องนำ จ่อคุมเข้มนโยบายหาเสียง

นายเกรียงไกร พานดอกไม้ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ไม่รู้ว่าทำไมทุกวันนี้ยังมีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่ กกต.ออกระเบียบหลักเกณฑ์ชัดเจนว่าสิ่งใดทำได้สิ่งใดทำไม่ได้ แต่ก็ยังมีผู้พยายามฝ่าฝืน หลบเลี่ยง

และที่ผ่านมาก็มักมีคำพูดว่า “คนอื่นรู้หมดว่ามีการทำผิด มีการซื้อสิทธิ์ขายเสียง แต่ กกต.ไม่รู้” ก็ต้องบอกว่า กกต.รู้และดำเนินการโดยเคร่งครัด มีผลการปฏิบัติชัดเจน แต่บางเรื่องจะทำให้เร็วทันใจไม่ได้ เพราะมีกระบวนการหลายขั้นตอน อีกทั้งที่ผ่านมาสังคมมีข้อสงสัยว่า กกต.มีข้อมูลเรื่องการซื้อเสียงหรือไม่ สื่อมวลชนย่อมรู้ว่า กกต.รู้ว่ามีการซื้อเสียง แต่การดำเนินการต้องเป็นไปตามกฎหมาย

“ถ้าไม่มีคนซื้อ จะมีคนขายหรือไม่ ทำไมโทษแต่ กกต. ทำไมไม่โทษตัวเองบ้าง กกต.ตามจับแต่ก็ไม่เป็นข่าว กกต.ทำงานตามกฎหมาย 100 % ไม่มีใครเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงว่าต้องละเว้นการปฏิบัติ หรือประวิงเวลาอะไรทั้งนั้น ซึ่งกกต.ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการเป็นมาตรฐานเดียว” นายเกรียงไกร กล่าว

เมื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้งพรรคการเมืองต้องรู้ว่าอะไรทำได้หรืออะไรทำไม่ได้ อย่าพยายามซื้อเสียงทางอ้อม หรือว่าพยายามหาช่องทางหลบเลี่ยงกฎหมาย ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ไม่แฟร์ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ส่วนพรรคการเมืองสามารถสนับสนุนการเลือกตั้งท้องถิ่นและระดับประเทศได้ แต่ต้องทำภายใต้กรอบกติกา กฎหมายกำหนด ไม่เอื้อให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งหรือตัวเองกระทำผิดกฎหมายเสียเอง

ที่ผ่านมาสื่อมวลชนรู้ว่าในการแข่งขันทุกรอบ การเลือกตั้ง สส.บางพรรคการเมืองเราไม่ได้ยินข่าวการซื้อเสียง ซึ่งเป็นไปได้และเกิดขึ้นแล้ว แต่บางพรรคการเมืองก็ได้ยินตลอด จะมีหลักฐานบ้างไม่มีหลักฐานบ้าง ถึงเวลาที่พรรคการเมืองที่เป็นบ้านหลังใหญ่ที่เป็นความหวังของคนไทยจะเดินตามกฎกติกา ซึ่งวันที่ 17 ธ.ค.นี้ กกต.จะจัดประชุมพรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อสร้างความเข้าใจ ส่งเสริมสนับสนุนพรรคการเมืองให้เข็มไปแข็ง

ทั้งนี้ มาตรา 22 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 พยายามให้กรรมการบริหารพรรคการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งพรรคการเมืองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ควบคุมกำกับดูแลไม่ให้สมาชิก หรือผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองที่อาจทำให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตเที่ยงธรรม และหัวหน้าพรรค พรรคการเมืองไปกระทำเสียเอง หรือหลับตาข้างเดียว มันก็จะส่งผลและมีโทษ

“ถ้าจะให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม กรรมการบริหารพรรคเมืองมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผมหวังว่าวันหนึ่งจะชูนโยบายหาเสียง อย่าพยายามหลบเลี่ยง หรือตั้งใจฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งอยากให้มีพรรคการเมืองแบบนี้มากขึ้น จนวันหนึ่งเราจะไม่พูดถึงการซื้อเสียงอีกเลย จะไม่พูดถึงการกระทำผิดเลือกตั้งเพื่อให้ได้เปรียบในการเลือกตั้งอีกเลย ชูผลงาน ชูนโยบาย การหาเสียงที่ไม่ใส่ร้าย ไม่โจมตีกัน จะเป็นการเลือกตั้งในอุดมคติเลย ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ แต่ถ้าทุกพรรคร่วมมือกันก็ไม่ยาก

เมื่อก่อนมีพรรคการเมืองมาปฏิญญาว่าในการเลือกตั้งจะไม่ซื้อสิทธิ์ ขายเสียง หัวหน้าพรรคพากันพร้อมเพรียงกันเลย แต่นี่เราอยากให้เป็นสิ่งที่เขาทำจริงๆ ไม่ใช่ลงนามอย่างเดียว ซึ่งเราพยายามรณรงค์ทุกวิถีทาง แต่ก็ยังได้ยินข่าวต่อเนื่องว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง ดังนั้นฝากพรรคการเมืองว่าอยากให้การเลือกตั้งสุจริต ยุติธรรม ต้องเริ่มจากท่าน” นายเกรียงไกร กล่าว

สำหรับนโยบายการหาเสียงของพรรคการเมืองต้องอยู่ภายใต้กฎหมายว่าจะออกนโยบายอะไรต้องคำนึงถึงความเห็นของสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำตำแหน่ง ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ พรรคออกนโยบายโดยไม่คำนึงถึงลูก ๆ หรือแขนขาที่ทำงานในระดับภูมิภาคทำงานใกล้ชิดประชาชน หากออกนโยบายโดยไม่คำนึงถึงตรงนี้ก็อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของประชาชน มาตรา 57 จึงกำหนดให้ต้องรับฟังตรงนี้ แต่นโยบายใดที่ต้องใช้จ่ายเงิน กฎหมายระบุชัดว่า ต้องระบุวงเงินที่ต้องใช้ และที่มาของเงินที่จะใช้ดำดำเนินการ ความคุ้มค่า ประโยชน์ในการดำเนินนโยบาย ผลกระทบ ความเสี่ยงจากการดำเนินนโยบาย พรรคต้องทำรายการเหล่านี้ให้ กกต. หากยังไม่ครบก่วน กกต.จะส่งคืนให้ไปแก้ไข

“ขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้ยกร่างประกาศ กกต.เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการตรวจสอบนโยบายแต่ละพรรคการเมืองใช้หาเสียง ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดในวันนี้ได้ ต้องรอ กกต.มีมติก่อนว่าจะเห็นเป็นอย่างไร ว่านโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองจะใช้หาเสียง พรรคต้องส่งให้กกต.ดู แล้ว กกต.จะมีวิธีตรวจสอบ พิจารณาอย่างไร ซึ่งร่างนี้คาดว่าจะเข้าที่ประชุม กกต.เร็วๆ นี้” นายเกรียงไกร กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 68)

ข่าวล่าสุด