
ว่าที่ ร.ต.ภาสกร สิริภคยาพร รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรอบเวลาในการจัดเลือกตั้ง สส.พร้อมกับการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ว่า เวลานี้ กกต.ไม่อาจบอกได้ว่าการทำประชามติจะเกิดขึ้นหรือไม่ เกิดขึ้นเมื่อไร หรืออย่างไร ขึ้นอยู่กับว่ารัฐสภาและคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะแจ้ง กกต.มาเมื่อใด รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมการเลือกตั้ง สส.หรือไม่ เพราะไม่ทราบว่าจะยุบสภาเมื่อไร
ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ กำหนดให้วันออกเสียงประชามติเป็นวันเดียวกับวันเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป หรือวันเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบวาระได้ แต่ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วัน นับแต่วันที่ กกต.ได้รับแจ้งจากประธานรัฐสภาหรือวันที่ ครม.มีมติ แล้วแต่กรณี
จากกรอบเวลาเดิมที่มีกำหนดยุบสภาในวันที่ 31 ม.ค.69 และกำหนดให้ 29 มี.ค.69 เป็นวันเลือกตั้งพร้อมการจัดทำประชามตินั้น แต่เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนไป โจทย์ของเราคือยุบสภาวันไหน และรัฐสภาแจ้งให้มีการทำประชามติเมื่อไร ต้องนำ 2 อย่างนี้มาผนวกกัน เพื่อดูว่าต้องใช้เวลาตามกฎหมายเท่าใด ซึ่งไม่ใช่อำนาจของ กกต. ไม่สามารถก้าวล่วงรัฐบาลหรือรัฐสภาได้
ว่าที่ ร.ต.ภาสกร กล่าวว่า กกต.มีหน้าที่รับข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำและ กกต.จะแจ้งให้ประชาชนทราบเท่านั้น รวมถึงการดูแลกระบวนการจัดทำประชามติพร้อมการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่พร้อมกัน กกต. ก็ต้องมีความพร้อมดำเนินการอยู่ดี
หากยึดตามไทม์ไลน์เดิมว่า รัฐบาลยุบสภาปลายเดือน ม.ค.และจัดการเลือกตั้งในวันที่ 29 มี.ค.นั้น ตอนนี้จะเหลือเวลาให้รัฐบาลดำเนินการและแจ้งต่อ กกต. ก่อน 60 วัน และยังมีขั้นตอนที่ กกต.ต้องนำข้อมูลไปแจ้งให้ประชาชนอีก จึงมีเงื่อนเวลาที่บีบมาพอสมควร ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน โดยคาดว่าเพื่อให้เป็นไปตามกรอบเวลาเดิม อย่างช้ารัฐบาลต้องแจ้ง กกต.มาภายในประมาณ 15 ธ.ค.69 ซึ่งเป็นการกำหนดคร่าว ๆ ตามแผนเดิม แต่ในความเป็นจริงยังมีเวลาเพียงพออยู่ตามกฎหมายประชามติ
หากเกิดอุบัติเหตุยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค.นี้จะส่งผลให้การเลือกตั้ง สส.และการจัดทำประชามติไม่สามารถทำวันเดียวกันหรือไม่นั้น ว่าที่ ร.ต.ภาสกร กล่าวว่า กกต.ไม่สามารถตอบได้ ซึ่งหากลองไล่เวลาดูว่า ในระยะเวลาภายใน 45 วัน และไม่เกิน 60 วันนั้น จะตรงกับวันไหน ยังไม่นับที่รัฐสภาจะต้องแจ้งมายัง กกต. ก่อน ซึ่ง กกต.ไม่ก้าวล่วง เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลและรัฐสภาต้องคิด
หากมีการยุบสภาก่อนกำหนดที่รัฐสภาได้ลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะยังสามารถจัดทำประชามติโดยถามคำถามเดียวก่อนได้หรือไม่ แทนที่จะเป็น 2 คำถามพร้อมกันในครั้งเดียวตามแผนเดิม ว่าที่ ร.ต.ภาสกร กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ โจทย์อยู่ที่ไม่ว่าจะกี่คำถาม แต่คำถามนี้เป็นอำนาจของ ครม. และของรัฐสภา
กรณีที่นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอให้สำนักงาน กกต.พิจารณาจัดการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขตผ่านทางไปรษณีย์ โดยให้ประชาชนลงทะเบียนพร้อมกับการเลือกตั้ง สส. ล่วงหน้านอกเขตนั้น ว่า กกต.ตระหนักถึงการอำนวยความสะดวกแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่เราต้องดำเนินการบนพื้นฐานของกฎหมาย กฎหมายให้ทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้ กกต.ก็จะมีช่องทาง
แต่พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ เขียนไว้ค่อนข้างชัดว่า การออกเสียงประชามติให้กระทำได้ในวันเดียวกันทั่งประเทศ นั้นหมายความว่าไม่มีกระบวนการในการลงคะแนนล่วงหน้า ดังนั้นการออกเสียงประชามติผ่านทางไปรษณีย์ถือว่าเป็นการออกเสียงล่วงหน้า กฎหมายมีข้อจำกัดอยู่ ส่วนเหตุผลที่ทำไมการเลือกตั้งสส.สามารถออกเสียงล่วงหน้าได้ เนื่องจากกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าสามารถลงคะแนนล่วงหน้าได้
อย่างไรก็ตามการเลือกต่างประเทศจะให้อำนาจเอกอัครราชทูตในการกำหนดวิธีการและเวลา ซึ่งอาจมีการลงคะแนนเลือกตั้ง สส.ผ่านทางไปรษณีย์ แต่ยังนับคะแนนไม่ได้ เพราะมีเงื่อนไขต้องนับคะแนนภายใน 48 ชั่วโมง หลังการลงคะแนนเลือกตั้งภายในประเทศสิ้นสุดลง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ธ.ค. 68)





