
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นในวันพฤหัสบดี (4 ธ.ค.) จากความคาดหวังของนักลงทุนว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ขณะที่การชะงักงันของการเจรจาสันติภาพยูเครนได้ลดทอนความหวังต่อข้อตกลงที่จะฟื้นฟูการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 72 เซนต์ หรือ 1.22% ปิดที่ 59.67 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 59 เซนต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 63.26 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับขึ้นกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่า การลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกและอุปสงค์น้ำมัน หลังข้อมูลบ่งชี้ว่าการจ้างงานชะลอตัวลง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงและปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 10 เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก ซึ่งทำให้น้ำมันมีราคาถูกลงสำหรับผู้ที่ถือสกุลเงินอื่น
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ความเป็นไปได้ของการลดดอกเบี้ยกำลังกลบปัจจัยอื่น ๆ และเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น
นักวิเคราะห์ระบุเพิ่มเติมว่า ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลาก็ช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วยเช่นกัน เนื่องจากตลาดกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันที่อาจลดลงจากประเทศในอเมริกาใต้แห่งนี้
Rystad Energy ระบุในบันทึกว่า ราคาน้ำมันอาจได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากความตึงเครียดทางทหารที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับเวเนซุเอลา โดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กำลังเพิ่มแรงกดดันต่อประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร ของเวเนซุเอลา ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวทางทหารของสหรัฐฯ
ความคืบหน้าของแผนสันติภาพยูเครนที่หยุดชะงักยังช่วยหนุนราคาน้ำมัน หลังจากคณะผู้แทนของทรัมป์หารือกับรัสเซียโดยไม่สามารถบรรลุความคืบหน้าเกี่ยวกับการยุติสงคราม
ก่อนหน้านี้ ความคาดหวังต่อการยุติสงครามได้กดดันราคาน้ำมันลง เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าข้อตกลงจะทำให้น้ำมันของรัสเซียกลับเข้าสู่ตลาดโลกที่มีอุปทานมากเกินพออยู่แล้ว
ทางการยูเครนระบุว่า ยูเครนได้โจมตีท่อส่งน้ำมัน Druzhba ในแคว้นแทมบอฟของรัสเซีย ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งที่ 5 ต่อท่อส่งที่ใช้ลำเลียงน้ำมันรัสเซียไปยังฮังการีและสโลวาเกีย อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินการท่อส่งและบริษัทพลังงานของฮังการีระบุว่า การขนส่งยังเป็นปกติ
บริษัท Kpler ระบุในรายงานว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนต่อโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียได้ยกระดับเป็นปฏิบัติการที่ต่อเนื่องและมีการประสานงานเชิงยุทธศาสตร์ ทำให้ปริมาณการกลั่นของรัสเซียระหว่างเดือนก.ย.–พ.ย. อยู่ที่ราว 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 335,000 บาร์เรลต่อวันจากปีก่อน โดยน้ำมันเบนซินได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่การผลิตน้ำมันดีเซลก็อ่อนแรงลงอย่างมาก
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ รายงานว่า ปริมาณน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงสำรองของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 28 พ.ย. เนื่องจากกิจกรรมการกลั่นเพิ่มขึ้น โดยน้ำมันดิบสำรองเพิ่มขึ้น 574,000 บาร์เรล สู่ระดับ 427.5 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 821,000 บาร์เรล
บริษัท Fitch Ratings ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันสำหรับช่วงปี 2568–2570 เพื่อสะท้อนภาวะอุปทานล้นตลาดและการเติบโตของการผลิตที่คาดว่าจะสูงกว่าอุปสงค์
ซาอุดีอาระเบียตั้งราคาขายน้ำมันดิบ Arab Light สำหรับส่งมอบเดือนม.ค. ไปยังประเทศในเอเชียไว้ที่ระดับสูงกว่าเกณฑ์อ้างอิง Oman/Dubai เพียง 0.60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี
ด้านคาซัคสถานมีการผลิตน้ำมันและคอนเดนเสทลดลง 6% ในสองวันแรกของเดือนธ.ค. หลังจากการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนต่อสถานีขนถ่ายของ Caspian Pipeline Consortium บริเวณทะเลดำ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 ธ.ค. 68)





