
ภาพการเติบโตของ บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง [GUNKUL] จากนี้ไปจะสะท้อนถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่จับงานตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำเพื่อสร้างรายได้กลับเข้ามาได้อย่างต่อเนื่องแบบไม่สะดุด ทั้งจากธุรกิจก่อสร้าง (EPC), ธุรกิจโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่มีลูกค้าหลัก คือ 3 การไฟฟ้า รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้ง 3 ธุรกิจมีส่วนสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ปัจจุบัน GUNKUL เป็นบริษัทพลังงานสะอาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศ มีกำลังผลิต 1,600 เมกะวัตต์ พร้อมต่อยอดการเติบโตในระยะยาวทึ่จะเป็น New S-Scirve สามารถจะผลักดันให้บริษัทเติบโตก้าวกระโดด
ไม่เพียงแต่นั้น GUNKUL เตรียมจะไปขยายโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในฟิลิปปินส์ ที่ยังเห็นโอกาสเติบโตอีกมาก
นางสาวนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL ซึ่งเป็นผู้บริหารเจนใหม่ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งเต็มตัวเมื่อช่วงต้นปี 68 ได้ปรับวิสัยทัศน์ใหม่ในการเป็นพาร์ทเนอร์ด้านพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐาน โดยจะเป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับในระดับเอเชีย ทำให้สามารถขยายขอบเขตธุรกิจได้มากขึ้น จากเดิมเป็นเพียงผู้บริหารโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จะก้าวต่อยอดไปสู่ธุรกิจพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ซีอีโอ GUNKUL ระบุว่า การมองหาธุรกิจ New S-Curve ช่วยต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัทด้วยการนำจุดแข็งมาเสริมศักยภาพ เช่น ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์จะช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยได้ และอาจทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง Digital Infrastructure ในภูมิภาคเอเชีย เพราะประเทศไทยมีเสถียรภาพด้านไฟฟ้า มีความพร้อมด้านโครงข่ายการสื่อสาร และมีที่ดินเพียงพอจะใช้พัฒนาพลังงานสะอาดป้อนได้
ขณะที่ภาครัฐมีนโยบาย Direct Power Purchase Agreement: Direct PPA เพื่อรองรับ Data Center จำนวน 2,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ทำให้ GUNKUL เห็นช่องโอกาสสร้าง New S-Curve ด้วยการวางแผนจะจับมือกับพันธมิตรที่จะลงทุน Data Center ในไทย เพื่อพัฒนาหน่วยผลิตไฟฟ้ามารองรับ ซึ่ง GUNKUL มีข้อได้เปรียบเมื่อเทียบกับรายอื่น โดยอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรหลายราย
ในด้านโซลาร์ฟาร์มชุมชน (Community-based Solar Power Generation Project) ที่รัฐบาลสนับสนุนให้เอกชนร่วมมือกับชุมชนผลิตไฟฟ้าโซลาร์ โดยจะเอกชนเป็นผู้ลงทุน ขณะที่ชุมชนจะได้ค่าไฟที่ถูกลง GUNKUL ก็มีข้อได้เปรียบจากการลงทุนตั้งโรงไฟฟ้าทั่วประเทศทำให้มความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายชุมขน เชื่อว่าจะดีลกันได้ง่ายกว่ารายอื่น
นอกจากนี้ กระทรวงพลังงาน ยังมีแนวคิดให้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่เป็นเจ้าของเชื่อนขนาดใหญ่หลายแห่งติดตั้งโซลารฺ์ฟาร์มลอยน้ำ (Solar Floating) ใน 3 เขื่อน รวมมูลค่าโครงการมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งมองเป็นโอกาส GUNKUL อาจได้เข้าไปร่วมได้
วางเป้าหมายธุรกิจ
หลังจากการกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL ได้ประกาศเป้าหมายสำคัญทางธุรกิจ ได้แก่ (1.) เป้าหมายกำลังผลิตไฟฟฟ้าให้ได้ 2,000 เมกะวัตต์ในปี 2570 (2.) สร้างผลกำไรเติบโต 2 digit ทุกปี (3.) ก้าวเข้าสู่ธุรกิจ New S-Curve
ณ ปัจจุบัน GUNKUL เตรียม COD โรงไฟฟ้าโซลาร์ 170 เมกะวัตต์ ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มที่ในปี 69 นอกจากนี้บริษัท ยังมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่รอ COD อีก 1,000 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ไตรมาส 4/69 ยาวไปถึงปี 73
ขณะที่ ณ สิ้นไตรมาส 3/68 บริษัทมี backlog งานก่อสร้างอยู่ที่ 8 พันล้านบาทจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/68 เท่ากับ 1,300-1,500 ล้านบาท และในปี 69 จะรับรู้รายได้ราว 70% ของยอดทั้งหมดท
“ปีหน้าเราน่าจะมีข่าวดี ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในต่างประเทศ หรือธุรกิจ News S-Curve ที่เราเล็งไว้ เพื่อต่อยอด Backlog ที่เรามีในปัจจุบัน”
จัดงบ 4 หมื่นล้านลุยขยายธุรกิจ-ปรับวิธีลงทุน
นางสาวนฤชล กล่าวว่า บริษัทจัดสรรเงินลงทุนช่วง 3-5 ปี วงเงิน 40,000 ล้านบาท
- ลงทุนพัฒนาไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 1,000 เมกะวัตต์
- การลงทุนขยายธุรกิจในต่างประเทศ
- ลงทุนกับธุรกิจใหม่ New S-Curve
- ปรับโฉมการ Operation ต่างๆ
GUNKUL ปรับเปลี่ยนแนวทางการใช้เงินลงทุน เพราะธุรกิจพลังานเป็นธุรกิจ Capital Intensive อยู่แล้ว ทุนมากหนี้ก็มาก เพราะฉะนั้นถ้าเราแบกหนี้ทั้งหมดแล้วเราถือ 100% ก็ต้องบอกว่าเราก็จะโตได้เพียงระดับหนึ่งเท่านั้น
“แต่วันนี้สิ่งที่ GUNKUL กำลังจะมุ่งไปสู่ คือการโตแบบมี Joint Venture หรือมีพาร์ทเนอร์โตไปด้วยกัน ก็จะเป็นการโตแบบ Unconsolidated เราจะไม่ take หนี้ เข้ามาในงบการเงิน แต่เราจะ record บรรทัดสุดท้ายคือกำไรเลย เพราะฉะนั้น เนื้อกำไรจะเห็นได้จากโครงการที่เรา Joint Venture กับพาร์ทเนอร์”นางสาวนฤชล กล่าว
โดยจากที่เราคำนวณออกมาแล้ว ถ้า GUNKUL ถือ 100% ได้แค่ 100 MW กับการตแบบ Unconsolidated จะไปได้ถึง 1,000 MW ฉะนั้น เราจะเปิดกว้าง ไม่ให้บริษัทติดกับดักเรื่อง Capital base เพราะเรารู้ว่าตลาดหุ้นช่วงนี้ไม่ดี อาจไม่ใช่จังหวะเหมาะที่จะรบกวนผู้ถือหุ้น ดังนั้นเราจะโตภายใต้ Capital ที่เรามี แต่เราจะ Maximize Benefit ให้กับผู้ถือหุ้นให้ได้มากที่สุด ภายใต้ทุนที่เรามี
“หากปี 69 สามารถเดินได้ตามแผน เชื่อว่าปี 2570 รายได้จะทำสถิติสูงสุด (Record) จากรายได้ ธุรกิจ New S-Curve รายได้จากโรงไฟฟ้า รวมถึงก้าวเข้าสู่ Eco System ใหม่ที่เป็น New S-Curve อีกทั้งจะสร้างให้มี Vulue Chain ให้แข็งแกร่งภายในปี 70-71 เพื่อไปต่อยอดธุรกิจต่อไปได้ “
นางสาวนฤชล กล่าวว่า ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ที่จับมือพาร์ทเนอร์ GUNKUL จะมีส่วนช่วยทำให้เกิดเสถียรภาพพลังงานไฟฟ้า สามารถช่วยวางแผนก่อสร้าง และใช้ local centent มั่นใจว่าตอบโจทย์ได้ นอกจากนี้ การขยายต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันพยายามหาโอกาสขยายในเวียดนามและญี่ปุ่น แต่ในเวียดนามยัง Wait&See เนื่องจากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการกำกับดูแล
ส่วนฟิลิปปินส์ มองว่าสัดส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนยังน้อย ฉะนั้น การเติบโตเรื่องพลังงานสะอาดมีอยู่มาก ขณะที่ภาครัฐปรับนโยบายต่างๆเพื่อรองรับกับการเติบโต และรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นเราจึงเห็น Opportunity ในฟิลิปปินส์อีกมาก เท่าที่ดู Risk-Return น่าสนใจและน่าจะเหมาะกับ GUNKUL จึงได้จัดตั้งบ.ย่อยในฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเห็นข่าวดีไม่น่าเกิดครึ่งปีแรกปี 69
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ธ.ค. 68)





