ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวก ขานรับทรัมป์ชะลอขึ้นภาษีสินค้ายุโรป

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันจันทร์ (26 พ.ค.) โดยสามารถฟื้นตัวจากการร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ชะลอแผนการขึ้นภาษีนำเข้า 50% กับสินค้าจากยุโรป ซึ่งช่วยคลายความวิตกของนักลงทุน

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 550.50 จุด เพิ่มขึ้น 5.37 จุด หรือ +0.99%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,828.13 จุด เพิ่มขึ้น 93.73 จุด หรือ +1.21% และ
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,027.65 จุด เพิ่มขึ้น 398.07 จุด หรือ +1.68%

ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการ เนื่องในวันหยุดธนาคาร

ดัชนี STOXX 600 ของยุโรปปิดเพิ่มขึ้น 1% หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (24 พ.ค.) ร่วงลง 0.9% จากการที่ทรัมป์ประกาศกะทันหันว่าจะขึ้นภาษีสินค้าจากสหภาพยุโรป โดยให้เหตุผลว่า การเจรจากับยุโรปเป็นไปอย่างล่าช้า

อย่างไรก็ตาม ในวันอาทิตย์ (26 พ.ค.) ทรัมป์ได้เลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการเก็บภาษีออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. 2568 จากเดิมวันที่ 1 มิ.ย. 2568 หลังจากเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ระบุว่าสหภาพยุโรปซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศต้องการเวลามากขึ้นในการจัดทำข้อตกลง

หุ้นกลุ่มรถยนต์และชิ้นส่วน ซึ่งมักได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดด้านภาษี ปรับตัวขึ้นนำตลาด โดยเพิ่มขึ้น 1.8% แต่ถูกจำกัดการปรับขึ้นจากการร่วงลง 3.3% ของหุ้นปอร์เช่ (Porsche)

หุ้นกลุ่มบริษัทด้านกลาโหมเป็นหนึ่งในแรงหนุนหลักของดัชนี STOXX 600 โดยหุ้นไรน์เมทัล (Rheinmetall) และเลโอนาร์โด (Leonardo) ต่างพุ่งขึ้นมากกว่า 3% ขณะที่ดัชนีกลุ่มอากาศยานและกลาโหม เพิ่มขึ้น 1.7%

หุ้นเหล่านี้ยังช่วยหนุนดัชนีกลุ่มสินค้าทางอุตสาหกรรมและบริการให้เพิ่มขึ้น 1.5% ด้วยเช่นกัน

กลุ่มกลาโหมและรถยนต์มีบทบาทสำคัญต่อการในการหนุนดัชนีหุ้นเยอรมนีพุ่งขึ้น 1.7% ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

หุ้นกลุ่มสินค้าหรูซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับตลาดสหรัฐฯ อย่างมาก ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเคอริง (Kering), แอลวีเอ็มเอช (LVMH) และริชมอนด์ (Richemont) ต่างปรับขึ้นราว 1% เช่นเดียวกับดัชนีรวมของกลุ่มสินค้าหรูหรา

นักวิเคราะห์กล่าวไว้ว่า การที่มีเวลามากขึ้นสำหรับการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและสหรัฐฯ เป็นข่าวดี แต่ความเร็วของการฟื้นตัวในตลาดหุ้นอาจสะท้อนถึงความคาดหวังที่มากเกินไปของนักลงทุนต่อการเจรจาการค้า

ค่าเงินยูโรแข็งค่าขึ้นพร้อมกับเงินสกุลเสี่ยงอื่น ๆ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยูโรโซนแทบไม่เปลี่ยนแปลง หลังจากทรัมป์กลับลำไม่ขึ้นภาษีทันที

ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และปัญหาการคลัง ซึ่งถูกตอกย้ำโดยการที่มูดี้ส์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือเมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2568 ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มลดการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ

นักวิเคราะห์อีกรายกล่าวว่า หากต้องการพอร์ตลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ สหรัฐฯ ยังเป็นตัวเลือกแรก แต่จากความตึงเครียดด้านการค้าและภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้ความเชื่อดังกล่าวเปลี่ยนไปแล้ว

ปริมาณการซื้อขายในตลาดเบาบางกว่าปกติ เนื่องจากเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในตลาดสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นธิสเซ่นครุปป์ (Thyssenkrupp) พุ่งขึ้น 8.8% หลังจากมีรายงานเมื่อสุดสัปดาห์ว่า บริษัทผลิตเรือดำน้ำและชิ้นส่วนรถยนต์แห่งนี้ วางแผนจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 8 ส.ค. 2568 เพื่ออนุมัติแผนการแยกธุรกิจเรือรบออกไป แต่ทางธิสเซ่นครุปป์ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้

หุ้นซีแลนด์ ฟาร์มา (Zealand Pharma) เป็นหุ้นที่ปรับขึ้นมากที่สุดในดัชนี STOXX 600 โดยเพิ่มขึ้นถึง 10%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 พ.ค. 68)

Tags: ,
Back to Top