
สถานการณ์การเมืองไทยกำลังอยู่ในช่วงที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ที่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญ
ภายใต้รัฐบาลการนำของ “เพื่อไทย” พรรคภูมิใจไทยได้รับโควต้า ในกระทรวงมหาดไทย, ศึกษาธิการ, แรงงาน, พาณิชย์,อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลจาก “เศรษฐา สู่ แพทองธาร” ก็มีการปรับเปลี่ยนภายในเพียงตำแหน่งเดียวและตำแหน่งเดิม คือ จากนายชาดา ไทยเศรษฐ์ จากปัญหาส่วนตัว มาเป็น น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ ลูกสาว ที่เข้ามานั่งเก้าอี้รมช.มหาดไทยแทน
แต่ล่าสุด เก้าอี้ที่พรรคภูมิใจไทย ครอบครอง กำลังถูกท้าทาย เมื่อ “ทักษิณ” เอ่ยปากขอคืนกระทรวงมหาดไทยแบบตรง ๆ ผ่านสื่อ โดยประกาศชัดว่า “มหาดไทย” ต้องอยู่กับ “เพื่อไทย”
ที่มาที่ไปของเรื่องนี้ส่งสัญญาณมาจากความไม่ลงรอย “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” ที่เห็นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็น เรื่องที่เพื่อไทยต้องการผลักดันร่างพ.ร.บ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสู่สภา แต่กลับถูก นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค ลูกชายนายเนวิน ชิดชอบ ประกาศกลางสภาว่า “ไม่เอา”
การทวงคืนกระทรวงมหาดไทย จึงจุดพลุขึ้นมาจากประเด็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และถูกมองว่าเป็นหนึ่งในข้อต่อรองสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการเข้าไปคุมกระทรวงที่มีอำนาจและมีบทบาทโดยตรงในการขับเคลื่อนโครงการนี้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยดูแลและอนุมัติใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจร เนื่องจากโครงการนี้มีมูลค่ามหาศาลและเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลายกลุ่ม การกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทยย่อมหมายถึงการมีอำนาจในการผลักดันหรือยับยั้งโครงการนี้ได้
หลังจากนั้น มีการเสนอสูตรการปรับ ครม. ผ่านหน้าสื่อหลากสายสูตร ทั้งการให้นายอนุทิน โยกไปควบ “ศึกษาธิการ” แทน หรือ ข่าวที่ว่าภูมิใจไทย ขอควบ “คมนาคม” “เกษตรฯ” “พาณิชย์” แทน แต่ถูกตอบโต้อย่างแข็งกร้าว จนล่าสุด นายอนุทิน ปัดข้อเสนอสับเปลี่ยนกระทรวงมหาดไทยมาให้ภูมิใจไทยบริหารสาธารณสุข พร้อมด้วย รัฐมนตรีสำนักนายกฯ อีกตำแหน่ง ขอคำตอบภายใน 48 ชั่วโมง หรือบ่ายวันพฤหัสบดีนี้
พร้อมทั้งย้ำอย่างแข็งกร้าวกว่า “พร้อมเป็นฝ่ายค้าน” ถ้าถูกยึดเก้าอี้ มท.1
ขณะที่ มีเงื่อนไขใหม่โผล่ขึ้นมา เมื่อมีผู้พยายามโยงกรณีกลุ่มคิงเพาเวอร์ขู่ยกเลิกสัญญาสัมปทานร้านดิวตี้ฟรีหากไม่ได้รับการปรับแก้สัญญาเพื่อลดการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) แบบไม่ต้องเสียค่าปรับ การที่พรรคเพื่อไทยยอมแลกกระทรวงคมนาคมเพื่อให้พรรคภูมิใจไทยไปเคลียร์สัมปทานคิงเพาเวอร์
โดยที่เงื่อนไขทั้งหมดไม่เกี่ยวข้องผลประโยชน์ของประชาชนแม้แต่น้อย
ท่ามกลางกระแสทวงคืนกระทรวงมหาดไทย พรรคภูมิใจไทยเลือกเดินเกมกลับ ด้วยการยืนยันความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ รวมถึงการตอกย้ำข้อตกลง “ช็อกมินต์” เมื่อครั้งจัดตั้งรัฐบาลครั้งที่ผ่านมา ซึ่ง หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยันว่าไม่ได้เดินเข้าไปร่วมรัฐบาลเพื่อไทย แต่เข้าร่วมตามคำชวน
หลังจากนั้น ยังมีการโพสต์ภาพนายเนวิน ร่วมวงทานข้าวกับนายสันติ พร้อมพัฒน์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ และอดีต รมช.มหาดไทย
การหยั่งเชิงทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทยเป็นการส่งสัญญาณเตือนไปยังพรรคเพื่อไทยว่ามีทางเลือกมากมาย และไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน รวมถึงท่าทีล่าสุดของนายอนุทินที่ออกมาประกาศกร้าวพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แสดงให้เห็นความมั่นใจที่จะรักษาฐานอำนาจเดิมและเพิ่มอำนาจต่อรองในสมการการเมือง
พรรคภูมิใจไทยตระหนักดีว่าตำแหน่ง รมว.มหาดไทย เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายและสร้างฐานเสียง การยืนยันในข้อตกลงเดิมและการส่งสัญญาณถึงการสร้างแนวร่วมใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือการพบปะกับแกนนำพรรคพลังประชารัฐ ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มน้ำหนักในการเจรจาต่อรอง สะท้อนให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทยพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับการเมืองและรักษาผลประโยชน์ของพรรคอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ การทวงคืนกระทรวงมหาดไทยของพรรคเพื่อไทยถูกมองว่ามีประเด็นกาสิโนคอมเพล็กซ์เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ต้องการผลักดัน และเป็นหนึ่งในข้อต่อรองสำคัญในการจัดสรรตำแหน่งในการปรับ ครม.เพื่อให้พรรคที่ได้คุมกระทรวงที่เกี่ยวข้องสามารถมีบทบาทและอำนาจในการขับเคลื่อนโครงการนี้ได้อย่างเต็มที่
จึงเป็นคำถามว่า…ที่สุดแล้ว “ภูมิใจไทย” จะแข็งขึนไปไตัแค่ไหน จะยอม “แลก” หรือ “แตกหัก”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มิ.ย. 68)