หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งตัวรับแรงกดดันมาตรการภาษี”ทรัมป์”ลุ้นเด้งรับตลาดหุ้นสหรัฐนืวไฮ

นักวิเคราะห์ฯ คาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งออกข้างตามข่าวความคืบหน้าภาษีสหรัฐหลัง “ทรัมป์” ประกาศอัตราภาษีใหม่ของประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม เช่น บราซิลโดน 50% และฟิลิปปินส์ 20% ทำให้ไทยที่ถูกเก็บ 36% สูงเป็นพิเศษเมื่อเทียบกับภูมิภาค อย่างไรก็ดี อาจมีปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นสหรัฐทำ new high-ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดีกว่าคาด แนวโน้มในวันนี้ติดตามการเจรจาการค้าไทย-สหรัฐต่อไป รวมถึงการหารือทีมไทยแลนด์เช้านี้ พร้อมให้กรอบแนวรับ 1,100 จุด แนวต้าน 1,120 จุด

นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดแกว่งออกข้างตามข่าวความคืบหน้ามาตรการภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังรัฐบาลสหรัฐประกาศอัตราภาษีใหม่ของประเทศคู่ค้าเพิ่มเติม มีสองประเทศที่น่าจับตาคือ บราซิลโดนสูงถึง 50% และฟิลิปปินส์ 20% ทำให้การที่ไทยถูกเรียกเก็บภาษี 36% สูงกว่าหลายประเทศในอาเซียนและเอเชียบางส่วน

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นสหรัฐทำ new high อาจเป็นปัจจัยหนุนดัชนีได้บ้าง และรวมถึงรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีกว่าคาด แต่วันนี้ยังต้องติดตามการเจรจาการค้าไทยกับสหรัฐต่อไป และรัฐบาลจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบอย่างไร โดยทีมไทยแลนด์จะมีการหารือแนวทางเจรจากับสหรัฐกันที่บ้านพิษณุโลกเช้าวันนี้

โดยให้กรอบแนวรับ 1,100 จุด และแนวต้าน 1,120 จุด

*ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (10 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,650.64 จุด เพิ่มขึ้น 192.34 จุด หรือ +0.43%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,280.46 จุด เพิ่มขึ้น 17.20 จุด หรือ +0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 20,630.66 จุด เพิ่มขึ้น 19.33 จุด หรือ +0.09%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 39,886.54 จุด เพิ่มขึ้น 240.18 จุด หรือ +0.61%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 24,033.12 จุด เพิ่มขึ้น 4.75 จุด หรือ +0.02% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,511.37 จุด เพิ่มขึ้น 1.69 จุด หรือ +0.05%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (9 ก.ค.) 1,110.40 จุด ลดลง 5.25 จุด (-0.47%) มูลค่าซื้อขาย 27,165.01 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (9 ก.ค.) 15.08 ล้านบาท
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. (10 ก.ค.)ลดลง 1.81 ดอลลาร์ หรือ 2.65% ปิดที่ 66.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ก.ค.) อยู่ที่ 4.42 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.59 แนวโน้มอ่อนค่า ท่ามกลางความไม่แน่นอนภาษีสหรัฐฯ-การเมืองในปท
  • “ทักษิณ” คุมเกมรับมือภาษีทรัมป์ติวทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลกก่อน “พิชัย” นัดหารือทีมไทยแลนด์ เร่งสรุปยื่นข้อเสนอเพิ่มเติมอีกก่อน 1 ส.ค.ทำงาน คู่ขนานออกแบบมาตรการเยียวยา ตุนงบ 4.7 หมื่นล้าน พร้อมตั้งกองทุนช่วยเกษตรกรเอสเอ็มอี อัดมาตรการซอฟต์โลนพยุง สภาพคล่อง เน้นแนวทางรักษาจ้างงาน สศช.หารือเอกชนสัปดาห์หน้า ออกแบบมาตรการช่วยเหลือให้ตรงจุด
  • ส.อ.ท.เผย ได้หารือกับทาง กกร.แล้ว หลังค่าเงินบาทแข็งค่านาน กระทบภาคส่งออก หวัง ธปท.ดำเนินนโยบายค่าเงินอ่อนเหมือนประเทศคู่แข่ง “จีน-เวียดนาม-ญี่ปุ่น” เพิ่มศักยภาพการแข่งขัน “นริศ สถาผลเดชา” มองระยะสั้น 1-2 เดือนเงินบาทแข็งค่า แต่ไม่ทะลุ 31 บาทต่อดอลลาร์ แต่หลังภาษีทรัมป์ชัด เชื่อกลับทิศอ่อนค่า เหตุส่งออกศก.ชะลอ มองสิ้นปีนี้ 33 บาทต่อดอลลาร์
  • ภาคท่องเที่ยวไทยหวังพึ่ง “ตลาดอินเดีย” รับขนาดเศรษฐกิจโตร้อนแรง ผงาดสู่อันดับ 3 ของโลกภายในปี 73 “เทียนประสิทธิ์” นายก ส.โรงแรมไทย คาดปี 68 มีนักท่องเที่ยวอินเดียเดินทางเข้าไทยกว่า 2.4 ล้านคน หลังครึ่งปีแรกตุนยอด 1.18 ล้านคน โต 14% มากเป็นอันดับ 3 “ททท.” เผย “บอร์ดซอฟต์พาวเวอร์” พร้อมดันงาน “เทศกาลดิวาลี” จัดฉลองปีใหม่อินเดียยิ่งใหญ่ 20 ต.ค. จัดเต็มขบวนแห่เทพฮินดู-บอลลีวูด ด้าน 3 แอร์ไลน์ “ไทยแอร์เอเชีย-ไทยไลอ้อนแอร์-เวียตเจ็ทไทยแลนด์” เดินเกมบุกเปิดบินตรง สู่ฮับบินกรุงเทพฯ และภูเก็ต
  • ส.อ.ท.เผยผลการหารือระหว่างนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และภาคเอกชน ถึงผลกระทบภาษีตอบโต้ของสหรัฐว่า ภาครัฐต้องการรู้ว่าแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม ได้รับผลกระทบอย่างไร เพื่อให้ภาครัฐออกมาตรการอะไรช่วยเหลือ และรองรับแรงกระแทกไว้บ้างแล้ว เพราะแต่ละกลุ่มผลกระทบต่างกัน ซึ่ง ส.อ.ท.ได้ให้ทั้ง 47 กลุ่มอุตสาหกรรมสมาชิก ประเมินผลกระทบแบบเจาะลึกเป็นรายอุตสาหกรรม และมาตรการรองรับของแต่ละกลุ่มกลับมา โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน และการคลัง
  • ตลท.จ่อปรับเกณฑ์เข้ม บจ.เปิดเผยข้อมูล หลังพบหลายเคสเปิดเผยข้อมูลไม่ครบ-ไม่ถูกต้อง เตรียมดึงโมเดลญี่ปุ่นมาศึกษาและปรับใช้ด้วยการจัดการเกรด บจ.ตามการเปิดเผยข้อมูล และให้นักลงทุนพิจารณาตัดสินลงทุน คาดใช้ทันในปี 68 พร้อมปัดมาตรการเอื้อ KTC ย้ำชัดเป็นเรื่องโบรกและลูกค้าบังคับขายหุ้น ไม่มีการมาปรึกษากับทางตลท.หรือบอร์ดเพื่อให้พิจารณา
  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) รายงานสถานการณ์การโอนห้องชุดของต่างชาติทั่วประเทศไตรมาส 1/68 มี 3,919 หน่วย มูลค่า 16,392 ล้านบาท จำนวนหน่วยลดลง 0.5% มูลค่าลดลง 9% กรุงเทพฯและชลบุรียังเป็นพื้นที่หลักกว่า 80% และชาวจีนยังเป็นกลุ่มใหญ่สุด 1,481 หน่วย มูลค่า 6,117 ล้านบาท ระดับราคาที่นิยมไม่เกิน 3 ล้านบาทนับตั้งแต่ปี 62 ถึงปัจจุบัน รองลงมา 3-5 ล้านบาท ราคา 5-7.5 ล้านบาท มากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป และราคา 7.51-10 ล้านบาทน้อยสุด ส่วนมูลค่ามากสุดเป็นราคามากกว่า 10 ล้านบาท รองลงมาไม่เกิน 3 ล้านบาท ราคา 3-5 ล้านบาท ราคา 5-7.5 ล้านบาท และราคา 7.51-10 ล้านบาทน้อยสุด
*หุ้นเด่นวันนี้
  • SCC (ฟินันเซีย ไซรัส)“ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 200 บาท คาดกำไรปกติฟื้นแรง +151% q-q (แต่ -19% y-y) ตามการฟื้นตัวของ Spread ปิโตรเคมีตั้งแต่ 8-13% q-q ธุรกิจซีเมนต์ได้อานิสงส์จากการทยอยปรับขึ้นราคา 400 บาท/ตัน และการฟื้นต่อเนื่องของ SCGP และหาก Chemical spread ยังมีเสถียรภาพเท่านปัจจุบัน ผู้บริหารอาจเปิดโรงงาน LSP ในเวียดนามอีกครั้งใน ส.ค.นี้ นอกจากนี้ ไตรมาส 2/68 จะมีกำไรทางบัญชีมากจากการประเมินมูลค่ายุติธรรมง CAP ขณะที่การเตรียมขายหุ้น CAP 10.6% จะมีกำไรที่เป็นเงินสด และนำไปลดหนี้ แม้ว่าธุรกิจปิโตรเคมียังอยู่ใน down cycle ถึงปลายปีหน้าแต่เชื่อว่ากำไรปกติจะทยอยฟื้นต่อใน H2/25
  • TRUE (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 13.16 บาท มองเชิงบวกหลัง กสทช.รับรองผลการประมูลคลื่นหลังผลภาพรวมเป็นบวก การแข่งขันไม่ได้รุนแรงเท่าที่คาด TRUE ชนะคลื่น 2300MHz ราคาต่ำกว่าเราคาดถึง 37% อีกทั้งประมูล 1500MHz เหนือความคาดหมาย หนุนได้คลื่นเพิ่มมากถึง 90MHz ทำให้ถือคลื่น mid-band รวมสูงถึง 280MHz ส่งผลบวกกับคุณภาพบริการ และความสามารถการแข่งขันในช่วงหลายปีข้างหน้า จนกว่าคลื่น 3500MHz จะเปิดให้ใช้งานในช่วงปี 2029 หรือ 2030
  • MOSHI (คิงส์ฟอร์ด)“ซื้อ” ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 52.30 บาท กำไรไตรมาส 1/68 ที่ 156 ลบ. (+24%YoY,-24%QoQ) อ่อนตัว QoQ ตามฤดูกาล แต่ YoY ยังเป็นบวกได้ดี แรงหนุนจาก SSSG +7.9% และจำนวนสาขาสูงขึ้น(Q1/68 เปิดเพิ่ม 6 สาขา/เป็น Standalone Pilot แบบ Big Size 1 สาขา) ส่วนไตรมาส 2/68 ยังดูเป็นภาพที่ดี YoY จากฐานต่ำปีก่อน สินค้าเด่นใหม่ๆ เช่น Moshi Moshi x aespa ที่เป็นสินค้า K-Pop โดยวางเป้ารายได้ปี 68 โต 15-20%/ เป้า SSSG บวก 3-5%/ แผนเปิด 40 สาขาใหม่ ทั้งนี้ ตลาดคาดกำไรปี 68 และ 69 ที่ 644 ลบ. (+24%YoY) และ 751 ลบ.(+17%YoY)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 68)