
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (17 ก.ค.) โดยถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐฯ ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายและรอความชัดเจนเกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 13.80 ดอลลาร์ หรือ 0.41% ปิดที่ 3,345.30 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.9% ในเดือนพ.ค. ส่วนเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 3.9% ในเดือนมิ.ย. แข็งแกร่งกว่าในเดือนพ.ค.ที่เพิ่มขึ้น 3.2%
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 232,000 ราย
ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นหลังจากสหรัฐฯ เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
ทั้งนี้ การแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ ส่วนการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรจะเพิ่มต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำ เนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยปธน.ทรัมป์กล่าวเมื่อวันพุธว่า การบรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่นให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเส้นตายวันที่ 1 ส.ค.นั้น น่าจะทำได้ยาก นอกจากนี้ ทรัมป์กล่าวว่าเขาจะส่งจดหมายไปยังประเทศต่าง ๆ กว่า 150 ประเทศ เพื่อแจ้งอัตราภาษีศุลกากรที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บจากประเทศเหล่านี้ โดยอัตราภาษีดังกล่าวอาจอยู่ที่ระดับ 10% หรือ 15%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ก.ค. 68)