หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ รับ Sentiment ต่างประเทศกดดันการเมืองในปท.ยังถ่วง

นักวิเคราะห์ฯ ระบุตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ จากปัจจัยต่างประเทศที่ตลาดลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ลง หลังเจ้าหน้าที่บางรายยังกังวลเงินเฟ้อ ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ในประเทศต้องจับตาคำพิพากษาคดีสำคัญของอดีตนายกฯ ทักษิณ ในวันนี้ และนายกฯ แพทองธาร ในสัปดาห์หน้า โดยให้กรอบแนวรับที่ 1,228 – 1,230 จุด และแนวต้านที่ 1,255 – 1,260 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งไซด์เวย์ โดย Sentiment ต่างประเทศเป็นลบเล็กน้อย จากความคาดหวังโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. ลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนให้น้ำหนักสูงถึง 90% ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย แต่ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 70% เนื่องจากความคิดเห็นของเจ้าหน้าเฟดบางรายในการประชุมแจ็กสัน โฮล ไม่สนับสนุนการลดดอกเบี้ย เพราะกังวลเงินเฟ้อที่สูงมากกว่ากังวลตัวเลขจ้างงานที่แผ่วลง

ขณะเดียวกันเมื่อคืนนี้การเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) สหรัฐ เริ่มกลับมาขยายตัว จากก่อนหน้านี้ที่หดตัว ประกอบกับตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ดีกว่าคาด ทำให้ตลาดปรับลดความคาดหวังที่เฟดจะลดดอกเบี้ยในเดือนก.ย. ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี (บอนด์ยีลด์) และดอลลาร์ ขยับขึ้น กดดัน Emerging Market เป็นลบอ่อน ๆ

สำหรับปัจจัยในประเทศวันนี้ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา คดีมาตรการ 112 นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมทั้งในสัปดาห์หน้าศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคดีคลิปเสียงน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม ซึ่งประเด็นดังกล่าวมีความสำคัญกับไทยและทิศทางตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้า

โดยให้กรอบแนวรับ 1,228 – 1,230 จุด และแนวต้าน 1,255 – 1,260 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (21 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,785.50 จุด ลดลง 152.81 จุด หรือ -0.34%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,370.17 จุด ลดลง 25.61 จุด หรือ -0.40% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 21,100.31 จุด ลดลง 72.55 จุด หรือ -0.34%
  • ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดบวกเป็นส่วนใหญ่ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 42,629.81 จุด เพิ่มขึ้น 19.64 จุด หรือ +0.05%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงที่ระดับ 25,205.04 จุด เพิ่มขึ้น 100.43 จุด หรือ +0.40% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,772.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.18 จุด หรือ +0.03% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 1.22% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียเปิดทรงตัว หลังจากปิดตลาดทะยานขึ้นเหนือระดับ 9,000 จุดเป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ส.ค.) 1,244.79 จุด ลดลง 3.34 จุด, -0.27% มูลค่าซื้อขาย 49,180.56 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (21 ส.ค.) 2,839.11 ลบ.
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1.29% ปิดที่ 63.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ส.ค.) อยู่ที่ 3.72 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.67 อ่อนค่าตามภูมิภาค ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้
  • ส.อ.ท.ห่วงการเมืองไม่นิ่ง ฉุดเชื่อมั่นลงทุน หวั่นไทยกระทบหนักชี้ 3 ปัจจัยท้าทายเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง แนะรัฐเร่งกระตุ้น ดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน “สรท.” มองการเมืองไทยไม่นิ่ง เทียบกับประเทศในอาเซียนและเอเชีย ส่งผลต่อความเชื่อมั่นทำธุรกิจ ขณะที่เอกชนต้องช่วยปรับธุรกิจเพื่อให้อยู่รอด วอนจบปัญหาการเมืองเร็วเพื่อประเทศเดินหน้า
  • ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ 1860/2567 ระหว่างพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะจำเลยในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ คอมพิวเตอร์ จากกรณีนายทักษิณให้สัมภาษณ์กับสื่อเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ค.2558
  • ศาลรัฐธรรมนูญเข้มไต่สวน “อิ๊งค์-เลขาฯ สมช.” คดีคลิปเสียงสนทนา “ฮุน เซน” ระบุเป็นคดีความลับ เกี่ยวพันความมั่นคง งดถ่ายทอดภาพและเสียง สั่งห้ามเผยแพร่ข้อมูลไต่สวน ห้ามบิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายสร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ ร่นยื่นแถลงปิดคดี 25 ส.ค. ก่อนนัดชี้ขาด 29 ส.ค. สื่อจับตานายกฯ หน้าเครียด กะพริบตาถี่ มองต่ำ เม้มปาก กุมมือบีบนิ้วโป้ง “สุทิน” ฟุ้งรุ่นเก๋าเฉยๆ ไม่หวั่นไหวคดีร้อน “สมชาย” ชี้คดีหนักกว่า “ลุงหมัก-เศรษฐา” แนะนายกฯ ลาออกก่อนวันตัดสิน ฝ่ายค้านโวยแหลกใบสั่งชิงปิดสภาฯ สกัดญัตติด่วนชงยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 “ไชยา” อ้างเฉยวิป 2 ฝ่ายประสานมา “วิสุทธิ์-ปกรณ์วุฒิ” ประสานเสียงผิดข้อตกลง “ไชยชนก” ซัด รบ.หางโผล่กวักมือเรียกรัฐประหาร

หุ้นเด่นวันนี้

  • CCET (เคจีไอ) แนะนำ “เก็งกำไร” เป้าพื้นฐาน 7.4 บาท 1) แนวโน้มราคาพักฐาน Oversold ลุ้น Technical rebound แนวรับ 5.95 บาท/แนวต้าน 6.15-6.30 บาท Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ให้แนวต้านถัดไป 6.5 บาท (Stop loss 5.75 บาท) 2) ยอดขายพ้นจุดต่ำสุดในเดือน ก.ค.จากประชุมนักวิเคราะห์วานนี้คาดยอดขายเริ่มฟื้นตั้งแต่ ส.ค.(อย่างช้า ก.ย.) จาก i) ความชัดเจนภาษีตอบโต้ทำให้ CCET + ลูกค้าวางแผนผลิต H2/68-69 ได้ ii) ผลิตภัณฑ์ใหม่ลูกค้ารายใหญ่ที่ชะลอคำสั่งซื้อในช่วงการเปลี่ยนโมเดลใหม่ในรอบหลายปี และจะเริ่มต้นสายผลิตโมเดลใหม่ใน ส.ค. 3) Valuation ยังมี Upside EV/EBITDA ปี 69 = 11 เท่า (+1 SD) ขณะที่ปัจจัยลบต่างๆ ปลดล็อกแล้วทั้งภาษี-บาทเริ่มทรงตัว
  • STEC (ฟินันเซีย ไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” เป้าหมาย 9.50 บาท คงเป้ารายได้ปี 68 โต +5% y-y ส่วน GPM คงเป้าไม่ต่ำกว่า 7% Backlog ปัจจุบัน 1 แสนลบ.(ไม่รวมอู่ตะเภา) ยังมั่นใจบรรลุเป้ารับงานใหม่ปีนี้ 5 หมื่นลบ.ช่วงที่เหลือของปีคาดหวังงานภาครัฐ 1-2 โครงการ อาทิ รถไฟฟ้าสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง, โรงไฟฟ้า Clean energy, Data center อู่ตะเภา ต้องติดตามครม.26 ส.ค.จะพิจารณาหรือไม่ แนวโน้ม Core operation ธุรกิจก่อสร้าง H2/68 ดีขี้น h-h และ y-y จากรายได้เพิ่มขึ้นจากการเร่งงานโรงไฟฟ้า Solar รวมถึง Data center ด้านกำไรสุทธิ H2/68 คาดโต y-y แต่อ่อนลง h-h จากฐานสูงใน Q1/68

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 68)