
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) รายงานเมื่อวันพฤหัสบดี (21 ส.ค.) โดยอ้างอิงแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่รัฐบาลว่า คณะรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าถือหุ้นในบริษัทที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนภายใต้กฎหมาย CHIPS Act ปี 2565 ทว่ายังไม่มีแผนที่จะเข้าถือครองหุ้นในบรรดาบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่กำลังเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นสืบเนื่องจากถ้อยแถลงของโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ซึ่งได้กล่าวไว้เมื่อวันอังคาร (19 ส.ค.) ว่า รัฐบาลยังคงพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการเข้าถือหุ้น 10% ในบริษัทอินเทล (Intel) ผู้ผลิตชิปซึ่งกำลังประสบปัญหา
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้เปิดเผยกับ WSJ ว่า รัฐบาลไม่ได้มีเจตนาจะเข้าถือหุ้นในบริษัทอย่าง ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง โค (TSMC) ซึ่งกำลังเร่งขยายการลงทุน แต่สำหรับบรรดาธุรกิจที่ไม่ได้เพิ่มการลงทุนตามคำมั่นสัญญานั้น อาจจำต้องเสนอหุ้นให้แก่รัฐบาลเพื่อแลกกับเงินอุดหนุน
“กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้หมายจะเข้าถือหุ้นของ TSMC และไมครอน (Micron)” เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวเปิดเผยกับ WSJ
รายงานระบุว่า คณะผู้บริหารของ TSMC ได้มีการหารือกันแล้วถึงเรื่องการคืนเงินอุดหนุน หากคณะรัฐบาลร้องขอเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น
บริษัท TSMC ซึ่งมีลูกค้ารายสำคัญ อาทิ อินวิเดีย (Nvidia) และแอปเปิ้ล (Apple) ได้ประกาศแผนการลงทุนมูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ในสหรัฐฯ ระหว่างงานที่ทำเนียบขาวร่วมกับปธน.ทรัมป์ เมื่อเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา โดยการลงทุนนี้เป็นส่วนเพิ่มเติมจากที่ได้ให้คำมั่นไว้แล้วเป็นมูลค่า 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับโรงงานผลิต 3 แห่งในรัฐแอริโซนา
กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลกฎหมาย CHIPS Act (หรือชื่อเต็มว่า CHIPS and Science Act) ซึ่งมีมูลค่า 5.27 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น ได้อนุมัติเงินอุดหนุนมูลค่า 6.6 พันล้านดอลลาร์ให้แก่ TSMC เมื่อปลายปีก่อน เพื่อใช้ในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ
นอกเหนือจากอินเทลแล้ว บริษัทไมครอน, TSMC และซัมซุง (Samsung) ถือเป็นกลุ่มบริษัทที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกฎหมาย CHIPS Act มากที่สุด
ในอดีตที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ เคยเข้าถือหุ้นในบริษัทต่าง ๆ ในยามที่เศรษฐกิจตกอยู่ในภาวะไม่แน่นอน เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือทางการเงินและฟื้นฟูความเชื่อมั่น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ส.ค. 68)