
สถานการณ์ในเนปาลยังคงวุ่นวาย หลังมีรายงานว่านักโทษกว่า 15,000 คนแหกห้องขังหลบหนีออกจากเรือนจำกว่า 25 แห่งทั่วประเทศ สบโอกาสที่ประเทศกำลังเกิดเหตุการณ์ประท้วงต่อต้านรัฐบาลซึ่งทวีความรุนแรงจนกลายเป็นการจลาจลนองเลือด
หนังสือพิมพ์เดอะ กาฐมาณฑุ โพสต์ รายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า การแหกคุกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เหตุประท้วงซึ่งนำโดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ Gen Z ปะทุขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มผู้ประท้วงที่เป็นเยาวชนบุกเรือนจำหลายแห่ง วางเพลิงเผาอาคารสำนักงาน และเปิดประตูห้องขัง ขณะที่รายงานเบื้องต้นยืนยันว่ามีนักโทษกว่า 15,000 คนหลบหนีออกจากเรือนจำกว่า 25 แห่งภายในช่วงเย็นวันพุธที่ผ่านมา และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่กลับมามอบตัวโดยสมัครใจหรือยอมให้ถูกจับกุมใหม่
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าเกิดเหตุปะทะกันระหว่างนักโทษกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเรือนจำแห่งหนึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เมื่อนักโทษพยายามหลบหนีออกจากเรือนจำในเขต Ramechhap จังหวัด Madhesh ด้วยการจุดระเบิดจากถังแก๊ส เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจึงเปิดฉากยิงเพื่อควบคุมสถานการณ์ ทำให้มีนักโทษเสียชีวิต 3 ราย
จำนวนนักโทษเสียชีวิตล่าสุดนี้ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการปะทะกันในเรือนจำเพิ่มขึ้นเป็น 8 ราย โดยก่อนหน้านี้ เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา นักโทษเยาวชน 5 รายเสียชีวิตจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สถานกักกันเยาวชนแห่งหนึ่งในภาคตะวันตกของเนปาล
รายงานข่าวระบุว่า กรมราชทัณฑ์เนปาลกำลังเร่งรวบรวมตัวเลขนักโทษที่หลบหนีจากเรือนจำทุกจังหวัดทั่วประเทศ และได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงทั้งตำรวจและทหารเพื่อติดตามจับกุมผู้หลบหนี
หนังสือพิมพ์เดอะ กาฐมาณฑุ โพสต์ รายงานด้วยว่า มีนักโทษจำนวนมากพยายามข้ามชายแดนไปยังประเทศอินเดีย โดยกองกำลังกึ่งทหารของอินเดียสามารถจับกุมนักโทษได้ 13 คนจากกลุ่มที่หลบหนีออกจากเรือนจำ Gaur ใกล้ชายแดน และถึงแม้ตำรวจจะสามารถนำตัวนักโทษบางส่วนกลับมาได้ แต่ยังมีผู้หลบหนีอีกกว่า 216 คนที่ยังคงลอยนวล ซึ่งรวมถึงนักโทษต่างชาติ 17 คน ทั้งจากอินเดียและประเทศอื่น ๆ ที่หลบหนีจากเรือนจำในจังหวัด Gandaki ด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 68)