วุฒิสภาสหรัฐฯ แก้ไขกฎ เร่งรัดการรับรองบุคคลที่ทรัมป์เสนอชื่อ

เมื่อวันพฤหัสบดี (11 ก.ย.) พรรครีพับลิกันในวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ผลักดันการแก้ไขกฎระเบียบที่ใช้มาอย่างยาวนานของสภา เพื่อให้กระบวนการรับรองบุคคลที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร สามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้น

ภายใต้กฎใหม่นี้ พรรคเสียงข้างมากจะสามารถรวบรวมรายชื่อผู้ได้รับการเสนอชื่อจำนวนมากเพื่อลงมติรับรองได้ในคราวเดียว แทนที่กระบวนการเดิมซึ่งอนุญาตให้พิจารณาได้ทีละหนึ่งคน

หลังจากที่พรรครีพับลิกันแสดงความไม่พอใจมาหลายเดือนว่าพรรคเดโมแครตพยายามถ่วงกระบวนการแต่งตั้งบุคคลที่ทรัมป์เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งระดับสูงในหน่วยงานของรัฐบาลหลายแห่ง ในที่สุดพรรครีพับลิกันก็ได้ลงมติด้วยคะแนน 53-45 เสียงเพื่อผ่อนปรนกฎดังกล่าว ซึ่งเป็นการลดทอนความสามารถของพรรคเสียงข้างน้อยในการชะลอการเสนอชื่ออีกหลายร้อยตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะไม่มีผลกระทบต่อกระบวนการรับรองตำแหน่งผู้พิพากษาของรัฐบาลกลางและตำแหน่งรัฐมนตรีในคณะรัฐบาล

ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในวุฒิสภาด้วยจำนวน 53 ต่อ 47 เสียง

“พวกท่านพอใจแล้วหรือที่สภาของเราต้องมาทำหน้าที่ไม่ต่างจากแผนกบุคคล เราใช้เวลาถึงสองในสามไปกับการพิจารณาผู้ถูกเสนอชื่อ” เนื่องจากความล่าช้าทางขั้นตอน จอห์น ธูน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา กล่าวกับสมาชิกพรรคเดโมแครต

ด้านชัค ชูเมอร์ ผู้นำพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา ได้ประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการสร้าง “สายพานการผลิตบุคลากรที่ขาดคุณสมบัติ”

“มันหมายถึงการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจฝ่ายบริหารที่น้อยลง ในขณะที่ฝ่ายบริหารชุดนี้กำลังใช้อำนาจโดยไม่เคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว” อดัม ชิฟฟ์ สว. พรรคเดโมแครตให้ความเห็นกับสำนักข่าวรอยเตอร์ “นี่คือการที่พรรครีพับลิกันมอบอำนาจให้ประธานาธิบดีมากขึ้น และละทิ้งผลประโยชน์ของสถาบันตนเอง”

การเคลื่อนไหวของพรรครีพับลิกันครั้งนี้ส่งผลให้ทรัมป์มีอำนาจเพิ่มขึ้นอีก หลังจากที่รีพับลิกันยินยอมให้ทรัมป์ดำเนินการต่าง ๆ มาเป็นเวลาหลายเดือน ทั้งการระงับงบประมาณที่รัฐสภาอนุมัติแล้ว และการบังคับใช้กำแพงภาษีในอัตราสูงกับสินค้านำเข้า ซึ่งทั้งสองอำนาจนี้เป็นอำนาจของรัฐสภาตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่ากลุ่มผู้ได้รับการเสนอชื่อชุดแรกของทรัมป์จะเข้าสู่กระบวนการรับรองที่รวดเร็วยิ่งขึ้นภายใต้กฎใหม่นี้อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 68)