IPOInsight: SKINsista แบรนด์ไทยไวรัลฉ่ำ เติมเมคอัพ-สินค้าเฮลตี้ ต่อยอดโกอินเตอร์

“Skinsista” แบรนด์สกินแคร์สุดไวรัลในโลกโซเชียล ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย !!

๐ ตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา บมจ.สกิน ลาบอราทอรี่ [SKIN] เป็นผู้คิดค้นและพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์บำรุงผิวร่วมกับโรงงานผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐาน จนออกมาเป็นสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภค กวาดยอดขายหลักร้อยล้าน และวันนี้พร้อมแล้วที่จะเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์

๐ SKIN เตรียมระดมทุน : SKIN เสนอขายหุ้น IPO จำนวน 44 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 1.20 บาท P/E 12 เท่า และจะเริ่มเทรดในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค

๐ SKIN กับแบรนด์สุดแมส : “Skinsista” แบรนด์ที่เป็นยอดขายมากกว่า 95% ของบริษัท เจาะกลุ่มผู้บริโภควัย 18-25 ปีที่มีปัญหาเรื่องผิว อาทิ ปัญหาสิว หรือ ริ้วรอย มีสินค้าหลากหลาย อาทิ เซรั่ม, ครีมกันแดด, ครีมบำรุง จำหน่ายผ่านหลายช่องทางทั้ง Offline และ Online

๐ SKIN กับแบรนด์น้องใหม่ : ยอดขายส่วนที่เหลือเป็นของแบรนด์ “Dermie” แบรนด์เวชสำอางน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปี 68 เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีปัญหาเรื่องผิวบอบบางแพ้ง่ายโดยเฉพาะ

๐ แอบดูงบ SKIN ล่าสุด :

งบปี 66 มีรายได้รวม 271.80 ล้านบาท กำไรสุทธิ 16.79 ล้านบาท

งบปี 67 มีรายได้รวม 229.13 ล้านบาท กำไรสุทธิ 10.67 ล้านบาท

งบ 6M/67 มีรายได้รวม 122.95 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3.25 ล้านบาท

งบ 6M/68 มีรายได้รวม 93.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 7.63 ล้านบาท

๐ SKIN กับเงิน IPO : ต้องการใช้เงินระดมทุนเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยแบ่งเป็นหัวข้อย่อยได้ดังนี้

1) ใช้พัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม หรือ พัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องสำอาง เวชสำอาง หรือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ

2) ใช้เป็นค่าใช้จ่ายการตลาดและการประชาสัมพันธ์สำหรับแบรนด์ Skinsista และ Dermie

3) ใช้เป็นค่าใช้จ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มการรับรู้แบรนด์ของบริษัทในวงกว้าง ผ่านช่องทางจำหน่ายหลัก

4) ใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ เช่น การขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

๐ เปิดใจผู้บริหาร SKIN : นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า จากเดิมที่แบรนด์ Skinsista มีกลุ่มเป้าหมายอายุ 18-25 ปี ตอนนี้เราก็มีกลุ่มลูกค้าที่โตมาพร้อมกับแบรนด์ ซึ่งต้องการสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น เราจึงต้องต่อยอดสินค้าเพื่อมาตอบโจทย์ตรงนี้

https://youtu.be/ysgQpw1XGlQ

ขณะที่ตลาดเวชสำอาง หรือ ตลาดของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับคนแพ้ง่ายก็มีโอกาสเติบโตอย่างมโหฬาร นั่นก็คือสาเหตุที่เราออกแบรนด์ Dermie ซึ่งก็ต้องการทุนหมุนเวียนในการสร้างสต็อกสินค้าเช่นกัน

และอีกตลาดหนึ่งที่โตเร็วคือตลาดเครื่องสำอาง ซึ่งเรามีแนวคิดว่าเครื่องสำอางไม่ใช่แค่เครื่องปกปิด แต่เป็นตัวที่บำรุงผิวและทำให้ดูดีด้วยในเวลาเดียวกัน ซึ่งปลายปี 67 เราเปิดตัวไปแล้วหนึ่งสินค้า มีการตอบรับที่ดี ต่อเนื่องมาในปีนี้เราก็มีแผนออกสินค้าเครื่องสำอางอีกหลายตัว

นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ยังเป็นสินค้าที่เราสนใจ แต่เราไม่ได้นิยามว่ามันเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เรานิยามมันเป็นสินค้าเพื่อสุขภาพ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแผนงานของเราที่จะขยายไป

“ในปี 68-69 เราจะโฟกัสเรื่องการพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงขยายช่องทางจำหน่าย ส่วนในปี 69-70 จะเป็นเรื่องของ New Business New Market ก็คือจะมีกลุ่มสินค้าสุขภาพ และมีการขยายช่องทางตลาดต่างประเทศอย่างจริงจัง ซึ่งจากแผนธุรกิจตรงนี้ เราก็ตั้งเป้าว่าอีก 3 ปีข้างหน้า รายได้เราต้องโตอย่างน้อยเท่าหนึ่งของปัจจุบัน” นายชาญวิทย์กล่าว

*SKIN คือใคร ? (นาทีที่ 0.49-3.02)
*ไม่มีโรงงานของตัวเอง ทำไมถือเป็นข้อได้เปรียบ !? (นาทีที่ 3.03-4.38)
*ตัวเลขผลประกอบการลด เกิดอะไรขึ้น !? (นาทีที่ 4.39-5.56)
*จ่อเปิดตัวสินค้าใหม่เพียบ ช่องทางจำหน่ายก็ขยายไม่หยุด !! (นาทีที่ 5.57-9.17)
*อีก 3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้ารายได้โตเท่าตัว !! (นาทีที่ 9.18-10.56)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ก.ย. 68)