
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้ คาดดัชนีแกว่ง Sideway คืนนี้นักลงทุนรอติดตามผลการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดปรับขึ้นมาในระดับหนึ่งจากคาดการณ์เฟดจะมีมติลดดอกเบี้ย 0.25% ลงมาที่ 4.00-4.25% น่าจะออกมาตามคาด
อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาสัญญาณการลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตของ Dot Plot ซึ่งเดิมคาดว่าช่วงถัดไปอาจลดดอกเบี้ยไม่มาก หากส่งสัญญาณโอกาสลดดอกเบี้ยเพิ่มมากกว่าเดิมอาจเป็นแรงหนุนตลาดได้ ขณะเดียวกัน ต้องติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดเพื่อประเมินทิศทางนโยบายการเงินในช่วงถัดไปด้วย
สำหรับปัจจัยในประเทศเย็นวานนี้ได้มีการทูลเกล้าฯรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ จะได้เห็นความชัดเจนหน้าตาของครม. รวมทั้งมาตรการระยะสั้นที่จะประกาศออกมา
อย่างไรก็ตาม ตลาดเก็งกำไรจากทั้งประเด็นการลดดอกเบี้ย รวมทั้งมาตรการต่าง ๆ ไปแล้ว ประกอบกับช่วงปลายสัปดาห์ FTSE มีการปรับหุ้นคำนวณดัชนีฯ ส่วนใหญ่มีการปรับออกราว 2 พันล้านบาท ตลาดจึงอาจไม่ปรับตัวขึ้นแรง และแนะนำกลยุทธ์ “ย่อตัวสะสม” อย่างไรก็ตาม หาก Dot Plot ออกมาดีกว่าคาด หรือส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยมากขึ้นก็อาจช่วยลดแรงเทขายได้
โดยให้กรอบแนวรับ 1,290 จุดและแนวต้าน 1,320 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (16 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 45,757.90 จุด ลดลง 125.55 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,606.76 จุด ลดลง 8.52 จุด หรือ -0.13% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 22,333.96 จุด ลดลง 14.79 จุด หรือ -0.07%
– ตลาดหุ้นเอเชียภาคเช้าเปิดลบ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 44,751.84 จุด ลดลง 150.43 จุด หรือ -0.34%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 26,554.19 จุด เพิ่มขึ้น 115.68 จุด หรือ +0.44% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,854.07 จุด ลดลง 7.79 จุด หรือ -0.20%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (16 ก.ย.) 1,308.19 จุด เพิ่มขึ้น 8.41 จุด (+0.65%) มูลค่าซื้อขาย 47,455.08 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (16 ก.ย.) 1,293.43 ลบ.
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ต.ค. (16 ก.ย.)เพิ่มขึ้น 1.22 ดอลลาร์ หรือ 1.93% ปิดที่ 64.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (16 ก.ย.) อยู่ที่ 2.99 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 31.74/75 ตลาดจับตาผลประชุมเฟด-ราคาทอง คาดกรอบวันนี้ 31.50-31.90
– “อนุทิน” นายกรัฐมนตรี พร้อมนำรายชื่อครม.ใหม่ทูลเกล้าฯ เร่งทุกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งคนละครึ่ง ลดค่าไฟ รถเมล์ไฟฟ้า 20 บาท และรถไฟฟ้า 40 บาทตลอดวัน จับตาฟันด์โฟลว์จ่อเข้าไทย กองทุนต่างชาติปรับพอร์ตหนีอินโดฯ ขายทำกำไรในตลาดเอเชียเหนือ หันมาเพิ่มน้ำหนักหุ้นไทย มองผ่านจุดต่ำสุดแล้ว หลังได้รัฐบาลใหม่
– “เศรษฐพุฒิ” ผู้ว่า ธปท. เตือนเสถียรภาพทางการคลัง ย้ำไม่แข็งแกร่งเหมือนอดีต รายจ่ายรัฐโตเร็วกว่ารายได้ เสี่ยงขาดดุลบานปลาย-หนี้สาธารณะพุ่ง สะท้อนความเปราะบางเศรษฐกิจ จี้รัฐบาลเร่งวางแผนระยะยาว แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง หากไร้ทิศทางชัดเจนเสี่ยงถูกลดเครดิตความน่าเชื่อถือ ชูเอกชนกลไกเป็นหลักดันเศรษฐกิจระยะถัดไป แนะติดตามธุรกิจสีเทา กระทบค่าเงิน
– ผู้ว่าฯแบงก์ชาติยอมรับ “ทองคำ” เป็นหนึ่งปัจจัยซ้ำเติมเงินบาท “แข็งค่า” มากกว่าภูมิภาคห่วงเสถียรภาพการคลัง ชี้ต้องมีแผนคุมรายจ่ายกระสุนมีจำกัด เตือนเสี่ยงประเทศถูกดาวน์เกรด ขณะที่ราคาทองคำพุ่งทำประวัติศาสตร์สูงสุดต่อเนื่องทะลุ 55,350 บาท ธปท. ถกผู้ค้าทองคำ หาแนวทางลดผลกระทบต่อค่าเงินบาท เร่งขอข้อมูลตรวจสอบธุรกรรมทองคำ ทั้งหนุนให้นักลงทุนไทยซื้อขายทองเป็นเงินดอลลาร์ สมาคมผู้ค้าค้านแนวคิดคลังเล็งเก็บ VAT ทองคำ ชี้ทำลายอุตสาหกรรมกลับสู่ยุคมืด หวั่นประเทศเสียโอกาสเป็นผู้นำในภูมิภาค
– ภาคธุรกิจจี้ ธนาคาร-ภาครัฐ แก้ปัญหาอายัดบัญชีม้าให้ตรงจุด ปลดล็อกเร็วภายใน 1 ชั่วโมง หลังพบประชาชนระดับรากหญ้ากระทบหนัก ร้านค้าขาดสภาพคล่อง ยอดขายตก ลามสู่ธุรกิจออนไลน์ป่วน แนะใช้ระบบ KYC ยืนยันตัวตน มีระบบ AI วิเคราะห์รูปแบบธุรกรรมที่ต้องสงสัย
– ตลท.เผยอยู่ระหว่างการชวน บจ.ขนาดใหญ่เข้าร่วมโครงการ JUMP+ หวังเป็นตัวอย่างที่ดีหลังมีบริษัทร่วมแล้ว 46 บริษัท แต่ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลาง-เล็ก ด้านบจ.mai แห่เข้าร่วมถึง 25 ราย เป้าบริษัทร่วม รวม 50-100 ราย
– “ไทยบีเอ็มเอ-โบรกเกอร์” ยันแรงขาย “ตราสารหนี้ระยะยาว” จากกองทุนในประเทศ ดัน “บอนด์ยีลด์ไทย” พุ่งในช่วงระยะสั้น สะท้อนการปรับพอร์ตตามภาวะตลาด ไม่ใช่สัญญาณ “ฟันด์รัน” ขณะที่ “ฟันด์โฟลว์ต่างชาติ” ยังไหลเข้า เบาบาง ตั้งแต่ต้นปี “ซื้อสุทธิ” 3.5 หมื่นล้าน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของดอกเบี้ยเฟด ชี้สถานการณ์ตลาดบอนด์ไทยป่วน แรงขายรุ่นอายุ 20 ปี ยีลด์ดีดแรง 0.5%
– BTS (เคจีไอ) เป้าพื้นฐาน 5.1 บาท รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้า 40 บาท (ตั๋วรายวัน) และลุ้นรับเงินชดเชยจาก กทม.ล่าสุดรัฐบาล (ใหม่) เตรียมปรับแผนโครงการรถไฟฟ้า 20 ตลอดสายเป็นรูปแบบตั๋วรายวัน 40 บาท ประเมินSentiment บวก ปริมาณผู้โดยสารเพิ่ม+รับเงินชดเชยส่วนต่าง) นอกจากนี้ ล่าสุด กทม.เตรียมจ่ายชดเชย 3.2 หมื่นล้านบาทภายใน ต.ค.นี้ (หากล่าช้าอัตราดอกเบี้ยที่ทาง กทม.จะจ่ายให้กับ BTS จะสูงขึ้นอีก) Valuation ถูก PBV 0.96 เท่า (ต่ำสุดเทียบเคียงปี 53)
– WHA (เมย์แบงก์) เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 4.35 บาท การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนผ่อนคลายขึ้น หลังสหรัฐบรรลุข้อตกลงการซื้อ Tiktok จากจีนแล้ว หนุนภาพรวมการค้าโลกเป็นบวกกับกลุ่มนิคม โดยหุ้น WHA YTD -30.5% เทียบกับ SET Index -6.5% ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังคง underperformed SET ถึง 24% โดยบริษัทรายงาน Backlog รวม JV ในงวด Q2/68 ที่ 1.5 พันไร่ (ไม่ถูกกระทบจากมาตรการภาษี) ขณะที่ Valuation PE’68 ที่ 11.3 เท่า (-1.3SD) พร้อมอัตราเงินปันผล 5.4% ช่วยจำกัด Downside
– CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 65 บาท โมเมนตัมกำไรไตรมาส 3/68 แม้อาจชะลอ q-q ตามปัจจัยหน้าฝน แต่คาดยังโต y-y ด้าน SSSG ก.ค.-ส.ค.ล่าสุดทรงตัว y-y แต่ยังได้แรงหนุนจาก Margin แกร่งจากสินค้าอาหารพร้อมทานเพิ่มขึ้น ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นมีกลยุทธ์ควบคุมที่ดีและได้อานิสงส์ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ยังคาดกำไรปี 68 ที่ 2.85 หมื่นลบ.โตแกร่ง +12% y-y และเชื่อไม่มี Downside จากกำไร H1/68 ที่ทำได้ 51% ของประมาณการทั้งปี ด้าน Valuation ยังไม่แพง เทรด PER เพียง 15 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตและคู่แข่ง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 68)