
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สหรัฐฯ อาจเรียกเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์ในอัตราที่สูงกว่าอัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ที่ 25% โดยให้เหตุผลว่าทั้งสองอุตสาหกรรมนี้มีกำไรมากกว่า
เมื่อถูกถามถึงความกังวลว่า การลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป (EU) เหลือ 15% จะส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ หรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า ผมไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้ใคร เดิมทีพวกเขาไม่ต้องจ่ายอะไรเลย แต่ตอนนี้ต้องจ่าย 15% และบางสินค้าอาจต้องจ่ายมากกว่านั้น เช่น ชิปหรือยารักษาโรค เพราะมีกำไรกันเยอะมาก
ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนส.ค. ทรัมป์เคยประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าชิปในอัตราเกือบ 100% และจะทยอยเก็บภาษีสินค้าประเภทยาในอัตราต่ำ จากนั้นปรับขึ้นเป็น 150% ภายในหนึ่งปี และอาจสูงถึง 250% ในระยะต่อไป
ทำเนียบขาวยังเตรียมเดินหน้าใช้มาตรา 232 ของกฎหมาย Trade Expansion Act ค.ศ. 1962 เพื่อเรียกเก็บภาษีเฉพาะกลุ่มในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และยา โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ
ทรัมป์กล่าวย้ำถึงความสำคัญของมาตรการภาษี พร้อมเอ่ยถึงคดีภาษีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาสหรัฐฯ ว่า หากชนะคดีนี้ สหรัฐฯ จะมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงที่สุดในโลก และสามารถช่วยเหลือพลเมือง รวมถึงสนับสนุนประเทศอื่น ๆ ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ทรัมป์ใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือหลักในการเพิ่มรายได้รัฐ ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ ลดการขาดดุลการค้า และหนุนการผลิตในประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 68)