
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.92 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.77 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุล หลังได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์ของสหรัฐฯ ที่ประกาศเมื่อคืนนี้ออกมาต่ำกว่าคาด
ส่วนปัจจัยในประเทศต้องรอดูทิศทางของเงินทุนระหว่างประเทศ (Flow) เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อคืนปรับตัวลดลงเกือบ 40 ดอลลาร์/ออนซ์
“บาทอ่อนค่าหลังดอลลาร์ได้รับแรงหนุนจากยอดขอรับสวัสดิการว่างงานออกมาดี ทำให้ตลาดไม่มั่นใจกรณีที่คาดการณ์เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยในครั้งต่อไปอีก” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 31.80 – 32.10 บาท/ดอลลาร์
โดยตลาดรอดูผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่คาดว่าจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ย
ปัจจัยสำคัญ
- เงินเยน อยู่ที่ระดับ 148.06 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 147.27 เยน/ดอลลาร์
- เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1781 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1840 ดอลลาร์/ยูโร
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 31.839 บาท/ดอลลาร์
- ประธานบอร์ดสภาพัฒน์ แนะรัฐควรเร่งหาคำตอบเงินไหลเข้าปริศนา “Error and Omission” สูงถึง 3,000 ล้านดอลลาร์ต่อไตรมาส กระทบค่าเงินบาท มากกว่าค้าทอง เตือนเก็บภาษีซื้อขาย ไม่แก้บาทแข็ง ซ้ำเติมผู้ค้าทองคำสภาพคล่องหด ชี้ดอกเบี้ยสหรัฐลดแรง ดันดอลลาร์อ่อน ทำให้โอกาสบาทอ่อนแทบไม่มี
- “ไทยบีเอ็มเอ” เผยยอด ออก “หุ้นกู้เอกชน” เดือนส.ค. พุ่งแรง “พลิกสูงสุดในรอบปี” ที่ 1.33 แสนล้าน ยอด 8 เดือน 5.75 แสนล้าน ลดลง ในอัตราชะลอลง รับแรงหนุน “ดอกเบี้ยขาลง” แตะระดับต่ำสุด ส่งผลบริษัทใหญ่ ที่มีเครดิตเรตติ้งดีเร่งออกหุ้นกู้ รับจังหวะต้นทุนต่ำนักลงทุนกลับมามั่นใจ แม้ตลาดจับตา “ความผันผวน” จากการ “ออกบอนด์ภาครัฐ” และปัจจัยนอก
- คณะกรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติด้วยคะแนนเสียง 7-2 ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 4.00% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
- รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ (18 ก.ย.) โดยขอให้ศาลเพิกถอนคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ที่ขัดขวางไม่ให้ปธน.ทรัมป์ปลด ลิซา คุก สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกจากตำแหน่ง
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ว่า เขาจะสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนในวันนี้ (19 ก.ย.) โดยจะมีการหารือในหลากหลายประเด็น รวมทั้งประเด็นติ๊กต๊อก (TikTok) และการขยายเส้นตายการพักรบทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยครั้งแรก ลดลง 33,000 ราย สู่ระดับ 231,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 241,000 ราย หลังพุ่งแตะระดับ 264,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี
- สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงสู่ระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ซึ่งบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด แต่ส่งสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงเงินเฟ้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดว่าเฟดอาจไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 1% ในวันพฤหัสบดี (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนประเมินท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
- นักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งที่เหลือในปีนี้ สอดคล้องกับรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ของเจ้าหน้าที่เฟดที่ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้ง ครั้งละ
0.25% รวม 0.50% ก่อนสิ้นปีนี้ - มหาเศรษฐีพันล้าน เจ้าของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ขนาดใหญ่ กล่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหลายครั้ง แต่หากปรับลดมากเกินไปก็เสี่ยงที่จะกระตุ้นเงินเฟ้อ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและตลาด
- นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันนี้ ขณะที่ตลาดคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.5%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 68)