
สืบเนื่องจากเหตุการณ์สนามบินหลักหลายแห่งในยุโรปถูกโจมตีทางไซเบอร์เมื่อวันเสาร์ (20 ส.ค.) โดยพุ่งเป้าไปที่ผู้ให้บริการระบบเช็กอินและขึ้นเครื่อง จนส่งผลให้เที่ยวบินล่าช้าและถูกยกเลิกเป็นจำนวนมากนั้น จนถึงขณะนี้สถานการณ์ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และการสืบหาสาเหตุยังคงดำเนินต่อไป
เป้าหมายของการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งนี้คือซอฟต์แวร์ MUSE ของบริษัท คอลลินส์ แอโรสเปซ (Collins Aerospace) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบแก่สายการบินต่าง ๆ ในสนามบินหลายแห่งทั่วโลก
อาร์ทีเอ็กซ์ (RTX) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของคอลลินส์ แอโรสเปซ เปิดเผยว่า บริษัททราบถึงการหยุดชะงักทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นกับซอฟต์แวร์ในสนามบินบางแห่ง แต่ไม่ได้ระบุชื่อสนามบิน
อาร์ทีเอ็กซ์ระบุในแถลงการณ์ทางอีเมลว่า ผลกระทบจำกัดอยู่แค่การเช็กอินและโหลดสัมภาระผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสามารถบรรเทาได้ด้วยการเช็กอินแบบแมนนวล พร้อมเสริมว่ากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ได้ระบุว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี
รายงานระบุว่า สนามบินที่ได้รับผลกระทบประกอบด้วยสนามบินฮีทโธรว์ในกรุงลอนดอนของอังกฤษ สนามบินบรัสเซลส์ในเบลเยียม สนามบินเบอร์ลินในเยอรมนี รวมถึงสนามบินดับลินและสนามบินคอร์กในไอร์แลนด์
สนามบินบรัสเซลส์ระบุว่าได้ขอให้สายการบินต่าง ๆ ยกเลิกเที่ยวบินขาออกราวครึ่งหนึ่งในวันนี้ (21 ก.ย.) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการรอคิวยาวและการยกเลิกเที่ยวบินในภายหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าสถานการณ์ยังคงไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
อย่างไรก็ดี โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อบ่งชี้ถึง “การโจมตีที่รุนแรงหรือกินวงกว้าง” และกำลังเร่งสืบหาต้นตอของสถานการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ในระยะหลังมีการโจมตีทางไซเบอร์ทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน ตั้งแต่สาธารณสุข กลาโหม ยานยนต์ การค้าปลีก ไปจนถึงสายการบิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 68)