คะแนนนิยม “ทรัมป์” ขยับลงเล็กน้อย ชาวมะกันกังวลปัญหาเศรษฐกิจ

ผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์/อิปซอสส์ (Reuters/Ipsos) เผยว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังชาวอเมริกันแสดงความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและความสามารถของรัฐบาลในการควบคุมราคาสินค้าที่สูงขึ้น

ผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นเป็นเวลาสามวันและสิ้นสุดในวันอาทิตย์ (21 ก.ย.) โดยพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 41% ยอมรับผลงานการบริหารประเทศของทรัมป์ ขยับลงจาก 42% ในการสำรวจครั้งก่อนเมื่อช่วงต้นเดือน

ขณะเดียวกัน มีผู้ตอบแบบสำรวจเพียง 35% ที่เห็นด้วยกับการบริหารเศรษฐกิจของทรัมป์ และมีเพียง 28% ที่เห็นด้วยกับการจัดการปัญหาค่าครองชีพ ซึ่งทั้งสองตัวเลขลดลงเล็กน้อยจากผลสำรวจครั้งก่อน

นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสำรวจ 54% มองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ผิด เพิ่มขึ้นจาก 53% ในผลสำรวจเดือนส.ค. และ 52% ในผลสำรวจเดือนก.ค.

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า หนึ่งในคำมั่นสัญญาสำคัญที่ทรัมป์เคยให้ไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีคือ การลดราคาสินค้าและฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่จนถึงขณะนี้ เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับชะลอตัวลง และเงินเฟ้อยังคงอยู่ใระดับสูงในบางภาคส่วน ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากนานาประเทศ รวมถึงมีการบังคับใช้นโยบายควบคุมการเข้าเมืองที่เข้มงวด

นอกจากนี้ ตลาดแรงงานยังส่งสัญญาณอ่อนแอในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งชะลอตัวลงอย่างมากจากเดือนก.ค.ที่เพิ่มขึ้น 79,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4.3% ซึ่งสูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.ย. 68)