ZoomIn: เปิดนโยบาย Quick Big Win โจทย์ใหญ่รัฐบาล “อนุทิน” ฟื้นเศรษฐกิจ 4 เดือน

ในห้วงเวลา 4 เดือนของการบริหารประเทศภายใต้รัฐบาลที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะมีขอจำกัดในด้านเวลา แต่มีการประกาศแก้ปัญหาเร่งด่วนอย่างปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน โดยมีการนำโครงการที่เป็นประโยชน์จากรัฐบาลก่อนหน้ามาใช้ หรือเพื่อคลี่คลายปัญหาเฉพาะหน้าและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนและนักลงทุน

*เติมรายได้

  • รัฐบาลเตรียมเดินหน้า “โครงการคนละครึ่ง พลัส” เป็นนโยบายเรือธง เพื่อเพิ่มกำลังซื้อของประชาชนในชีวิตประจำวัน เงื่อนไขเบื้องต้นของโครงการครั้งนี้ จะคล้าย ๆ ของเดิมที่เคยดำเนินการไปแล้ว แต่อาจมีปรับเงื่อนไขใหม่บางเรื่อง เพื่อให้มีความน่าสนใจมากขึ้น เช่น ให้สิทธิกับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี เงื่อนไข 60:40 ส่วนประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี รวมถึงผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะได้รับสิทธิ 50:50 ส่วนเรื่องวงเงินการใช้จ่าย จะเป็น 150 บาท/วันหรือไม่นั้น ยังเป็นรายละเอียดที่ต้องหารือกันต่อไป เบื้องต้นคาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ราวสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนต.ค. 68
  • บริหารจัดการราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการสร้างโอกาสในการสร้างรายได้และความสามารถในการแข่งขันแก่ผู้ค้ารายย่อย ผู้ประกอบการ รวมถึงเกษตรกรและชุมชนในท้องถิ่น
  • ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ในการเรียนรู้ทักษะใหม่ (Reskill) และการเพิ่มทักษะ (Upskill) เพื่อเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และสร้างโอกาสให้คนไทยมีรายได้มากขึ้น
  • ส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ในการผลิตไฟฟ้าภาคครัวเรือนและกิจกรรมทางการเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนและชุมชนและเพิ่มพลังงานสีเขียวตามความต้องการของทุกภาคส่วน

*ลดรายจ่าย

อาทิ ค่าพลังงาน ค่าน้ำดื่มสะอาด แพคเกจลดค่าครองชีพในการเดินทางให้ประชาชน ครอบคลุมการเดินทางสำหรับคนกรุงเทพฯและปริมณฑล เช่น รถเมล์ปรับอากาศ รถเมล์ร้อน รวมไปถึงภาระการจ่ายค่าทางด่วน ขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 จะนำมาพิจารณาร่วมกัน

*แก้ปัญหาหนี้สิน

  • ภาคประชาชน ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบ รายละไม่เกิน 1 แสนบาท เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทำให้คนไทยติดกับดักหนี้
  • ผู้ประกอบการ SMES เพิ่มสภาพคล่อง รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระหนี้โดยสม่ำเสมอ
  • ให้ความรู้ทางการเงิน นวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่แก่ประชาชนและผู้ประกอบการ รวมถึงสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ผู้ประกอบการ SMEs ในการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐและภาคธุรกิจขนาดใหญ่

*เพิ่มโอกาสการออม

  • พัฒนาผลิตภัณฑ์สลากเพื่อการออม โดยกันเงินจำนวนหนึ่งที่ผู้ซื้อสลากที่ไม่ถูกรางวัลให้มีเงินออมอันเกิดจากเงินที่กันไว้

*ฟื้นความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยว

  • สร้างความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว
  • ปราบปรามการฉ้อโกงและการหลอกลวงนักท่องเที่ยว
  • จัดทำมาตรการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวไทยหันกลับมาเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี โดยให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเมืองรอง การจูงใจให้ภาคเอกชนปรับปรุงโรงแรมที่พักและแหล่งท่องเที่ยวผ่านกลไกภาษี การดึงดูดชาวต่างชาติให้พำนักในประเทศไทยระยะยาวและเพิ่มการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวมากขึ้น

* แก้ไขปัญหาผลกระทบจากสงครามการค้า

  • จัดตั้งทีมไทยแลนด์ ประกอบด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนการค้าไทย เพื่อยกระดับการค้าเสรีกับคู่ค้าเดิม
  • ดำเนินการเชิงรุกในการเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปตะวันออก เอเชียใต้ และลาตินอเมริกา
  • ผลักดัน ให้ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organization for Economic Co-operation and Development) เพื่อดึงดูดการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ
  • สกัดปัญหาการสวมสิทธิ์ถิ่นกำเนิดสินค้า และป้องกันการทุ่มตลาด
  • จัดทำมาตรการในการส่งเสริมการใช้สินค้าอุตสาหกรรมและชิ้นส่วนที่ผลิตภายในประเทศเป็นหลัก
  • กำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมของสินค้ากลุ่มเป้าหมาย
  • กำหนดมาตรการมิให้นำเข้าสินค้าเกษตรที่มีการเผาจากประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5
  • ปรับปรุงกฎระเบียบและขั้นตอนการอนุญาตให้สะดวก โปร่งใส และเป็นมิตรต่อผู้ประกอบการ
  • ปรับระบบส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ เซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานยนต์สมัยใหม่ อาหารแห่งอนาคต พลังงานสะอาด และอุตสาหกรรมชีวภาพ
  • ส่งเสริมให้นักลงทุนจากต่างประเทศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัทของไทย และสร้างห่วงโซ่การผลิตภายในประเทศ จากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการในประเทศ

แม้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลอนุทิน จะเป็นเพียงการ “ปัดฝุ่น” คือ หยิบมาตรการเดิมมาบรรเทาสถานการณ์เฉพาะหน้า เพราะมีเวลาไม่มากพอ แต่ถือเป็นบทพิสูจน์ผลงานของทีมเศรษฐกิจท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ย. 68)