
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (30 ก.ย.) โดยราคาทองคำยังคงปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์) เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อสินทรัพย์ที่ปลอดภัย นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย
- ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 18 ดอลลาร์ หรือ 0.47% ปิดที่ 3,873.20 ดอลลาร์/ออนซ์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 19,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.227 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. จากระดับ 7.208 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะที่การจ้างงานลดลง 114,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 5.126 ล้านตำแหน่ง และตัวเลขปลดออกจากงานลดลง 62,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 1.725 ล้านตำแหน่ง
ทั้งนี้ ตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ถึงภาวะชะลอตัวในตลาดแรงงาน และทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า โดยล่าสุด FedWatch ของ CME Group ระบุว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 97% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะชัตดาวน์ โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราวระยะเวลา 7 สัปดาห์ หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ก็จะเริ่มเข้าสู่ภาวะชัตดาวน์อย่างเป็นทางการตั้งแต่เวลา 00.01 น.ของวันพุธที่ 1 ต.ค. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 11.01 น.ตามเวลาไทย ซึ่งจะเป็นการปิดหน่วยงานรัฐบาลครั้งแรกในรอบเกือบ 7 ปี
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ระบุว่า ทางกระทรวงจะไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหากรัฐบาลเผชิญภาวะชัตดาวน์ โดยข้อมูลเศรษฐกิจที่จะได้รับผลกระทบได้แก่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 2 ต.ค., ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 3 ต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 15 ต.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 68)