
ปรากฏการณ์ที่นักลงทุนไทยเจอบ่อยในช่วงเวลา SET INDEX “ขึ้นแรง” แต่หุ้นรายตัวส่วนใหญ่ กลับร่วงสวนทาง
ทำไม SET INDEX ทำไฮแตะ 1300 จุด แต่หุ้นรายตัว ส่วนใหญ่ติดลบ?
หากมองเฉพาะภาพรวมของ ดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่วันนี้ปรับตัวพุ่งชน 1300 จุด โดยยังสามารถยืนบวกได้อย่างแข็งแรง แถวๆ 1292 จุด ถือว่าดูดี
แต่หากมองลึกลงไปในหุ้นรายตัว มีหุ้นติดลบมากถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับปริมาณหุ้นที่บวกอยู่ สาเหตุ ที่หุ้นบวก น้อยกว่าติดลบ แต่ดัชนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น เกิดจาก
1.หุ้นที่บวกส่วนใหญ่ เป็นหุ้นบลูชิพ
การที่ ดัชนีถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้นบลูชิพ ที่มีขนาดของมาร์เก็ตแคปใหญ่ๆ รวมกัน
SET INDEX จึงเป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตามมาร์เก็ตแคป (market cap–weighted index)
ฉะนั้น หุ้นขนาดใหญ่ อย่างหุ้น PTT, ADVANC, KBANK, SCB, CPALL, AOT, DELTA สามารถผลักดันดัชนีขึ้นได้แรง
แม้หุ้นขนาดกลาง-เล็ก(Mid-Small cap) จำนวนมากจะปรับตัวลงก็ตาม
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ลงทุน ที่มีส่วนผลักดัน ดัชนี คือ นักลงทุนต่างชาติ โดย Fund Flows เหล่านี้ จะเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่
นักลงทุน ต่างชาติที่เป็น ตัวแทนหลัก ของตลาดหุ้นไทย มักเน้นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Large-cap stocks) คือหุ้นของบริษัทที่มี มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูง เช่น อยู่ในกลุ่ม SET50 หรือ SET100
นอกจากนี้ ยังเน้นเลือกลงทุนในบริษัทที่เป็น “ผู้นำอุตสาหกรรม” มีรายได้และกำไรในระดับสูง เช่น PTT, AOT, SCB, CPALL ฯลฯ
ความนิยมลงทุน ดังกล่าว เกิดจาก ความเชื่อมั่นใจในเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ และศักยภาพในการดำเนินธุรกิจระยะยาว ของบริษัทนั้นๆ
2. หุ้นที่บวก ส่วนใหญ่มีสภาพคล่องสูง (High liquidity)
การที่หุ้นรายตัวนั้นๆ มีมูลค่าการซื้อขาย (Trading volume & Value) ต่อวันสูง สามารถซื้อ–ขายได้ง่าย โดยไม่ทำให้ราคาผันผวนมาก ทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั่วไป รวมถึง นักลงทุนต่างชาติ
นักลงทุนสถาบัน, กองทุน และนักลงทุนต่างชาติ มักเลือกลงทุนหุ้นที่มีสภาพคล่องสูง เพราะสามารถ เข้า–ออกตลาดได้เร็ว ด้วยปริมาณการซื้อขายมาก
นอกจากนี้ การที่หุ้นรายตัวนั้น มี Bid–Offer ที่เป็น Spread แต่ละช่องของการขยับที่แคบ ทำให้ มีส่วนต่างระหว่างราคาซื้อกับราคาขายต่ำ ทำให้การซื้อ หรือขายในแต่ละครั้งที่มีปริมาณมากๆ ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผันผวนนัก
สำหรับ ความสำคัญของหุ้นขนาดใหญ่ ที่มีสภาพคล่องสูง ถือเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติที่ดี ที่นักลงทุนทุกกลุ่มชื่นชอบ
โดยหุ้นเหล่านี้ สามารถเป็นตัวชี้นำตลาด เนื่องจาก เป็นหุ้นกลุ่มที่มีน้ำหนักต่อดัชนี SET INDEX ค่อนข้างมาก การขึ้นหรือลงของหุ้นใหญ่ไม่กี่ตัว จะมีผลต่อดัชนีทั้งตลาดได้
ทั้งนี้ ยังเป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบัน เพราะการลงทุนในหุ้นเล็กอาจทำให้พอร์ตเคลื่อนไหวมากเกินไปเมื่อมีการซื้อขายครั้งใหญ่ เท่ากับว่า จะมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะซื้อ หรือขาย ก็ตาม โดยมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นขนาดเล็ก
3.หุ้นที่ติดลบ ส่วนใหญ่เป็นหุ้น Mid–Small Cap
นักลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะรายย่อย อาจเทขายหุ้นเล็ก–กลางเพื่อ “หมุนเข้าหาหุ้นใหญ่” ที่มีแรงหนุนจาก fund flow และความมั่นคงมากกว่า
4.ภาวะเศรษฐกิจจริง–กำไรบริษัทเล็ก
บริษัทขนาดกลาง–เล็กจำนวนมากยังเผชิญหน้ากับแรงกดดันของกำไรที่ลดน้อยลง จากการแข่งขันที่สูงขึ้น ประกอบกับ การฟื้นตัวของความต้องการในตลาดที่ช้าลงรวมถึง ต้นทุนทางการเงิน และดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้นถูกกดดัน แม้ภาพรวมของดัชนีรวมจะดูดีก็ตามที
- ตัวเลขวันนี้สะท้อนอะไร?
SET INDEX วิ่งขึ้นไปทำไฮ 1,300 จุด แต่ถูกขับเคลื่อนด้วยหุ้นขนาดใหญ่ เพียงแค่ 15 ตัวเท่านั้น(SET50)
หุ้นบวก 120 ตัว กับ หุ้นติดลบ 320 ตัว ความกว้าง ของการขึ้น มันแคปลง (breadth)
1.ความยั่งยืนของ fund flow
ถ้าเงินต่างชาติไหลเข้าต่อ เน้นหุ้นใหญ่ ดัชนีอาจทรงตัวได้ แต่หุ้น mid–small cap จะยัง underperform
2. การหมุน วนหุ้นเล่น (Rotation) การคาดหวัง เม็ดเงินจะกลับเข้ามาลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก
ทั้งนี้ คงต้องรอสัญญาณชัเศรความชัดเจน ในเรื่องของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ ไม่ว่าจะเป็น การบริโภคในประเทศ ,การท่องเที่ยว , ทิศทางของ อัตราของหนี้ครัวเรือน
วันนี้เป็น วันที่หุ้นขนาดใหญ่ผลักดันดัชนี
ดัชนีขึ้นแรงเพราะหุ้นใหญ่ไม่กี่ตัว แต่ sentiment หุ้นกลาง- เล็ก ยังไม่ฟื้น ซึ่งลักษณะดังกล่าว น่าจะเป็นพฤติกรรมที่กำลังเกิดขึ้น ทั่วโลก เป็นต้นว่า ในตลาดหุ้นอเมริกา
เราจะเห็น หุ้นที่ผลักดันตลาดหุ้น NASDAQ ที่ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นในกลุ่ม magnificent 7 หรือถ้าเป็นตลาดหลักทรัพย์เมืองจีนก็จะเป็นหุ้นในกลุ่ม Terrific 10
ส่วนหนึ่ง อาจจะเป็นเพราะว่า นักลงทุนรายย่อยมีความสนใจในการเล่นหุ้นมากขึ้น และจะเลือกรู้จัก หรือศึกษา หุ้นเพียงแค่ไม่กี่ตัว จึงทำให้เกิดการกระจุกตัวขึ้นกลุ่มหุ้นรายตัวที่ขึ้น
นักลงทุนต้องแยก “ภาพรวมดัชนี” ออกจาก “โอกาสของหุ้นรายตัว” ให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้น ภาพรวมดูดี แต่พอร์ตลงทุนกลับ อยู่ฝั่งตรงกันข้าม
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 68)