SET เดือน ก.ย.พุ่ง 3% รับรัฐบาลใหม่เร่งเครื่อง Quick Win ตลท.เก็งฟื้นต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายรับหุ้น IPO หนุน

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่เป็นปัจจัยสนับสนุนตลาดหุ้นไทย ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและนโยบายการเงินการคลังของสหรัฐฯ ส่งผลให้ผู้ลงทุนต้องการถือสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทองคำที่ราคาในตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนกรณีรัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์ เคยเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งในอดีต และส่วนใหญ่ใช้ระยะเวลาไม่นาน ผู้ลงทุนจึงไม่ได้ตระหนกกับประเด็นดังกล่าวมากนัก สะท้อนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ไม่ได้ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจัยดังกล่าว ดัชนี SET ในเดือนกันยายน 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า มาปิดที่ 1,274.17 จุด

นายศรพล กล่าวว่า การชัตดาวน์ของรัฐบาลสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลต่อ SET Index ในวงจำกัด เนื่องจากผู้ลงทุนส่วนใหญ่ประเมินว่าเป็นเพียงปัจจัยภายนอกระยะสั้นที่อาจสร้างความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนชั่วคราวเท่านั้น โดยปัจจัยสำคัญที่ควรติดตาม ได้แก่ การดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ที่มุ่งเน้นหลักการ “กระตุ้นสั้น ได้ยาว กระจายตัว” ผ่านนโยบาย “Big Quick Win” รวมถึงความร่วมมือกันของหลายภาคส่วนในการปฏิรูปเศรษฐกิจและตลาดทุนไทย

นอกจากนี้ ยังเห็นโอกาสการฟื้นตัวต่อเนื่องของ SET Index ในช่วงที่เหลือของปี 2568 โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่กลับมาระดมทุนในตราสารหนี้และตราสารทุนเพิ่มขึ้นในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ผลตอบแทนจากหลักทรัพย์ที่เข้าจดทะเบียนใหม่ในวันแรกที่ค่อนข้างสูง แสดงถึงความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับแรงขายจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เริ่มชะลอตัวลง

สำหรับการผลักดันด้านตลาดทุนนั้น จากการหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล และคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ตลท.และ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เตรียมเข้าไปหารือร่วมกับกระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับรายละเอียดมาตรการ Quick Win ด้านตลาดทุนคาดว่าจะมีความชัดเจนประเด็นการสร้าง Thailand Story และการปรับแก้กฎเกณฑ์ หรือข้อบังคับบางเรื่องที่สามารถทำได้ก่อน โดยไม่ต้องปรับแก้กฎหมาย

ด้านนายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า ตลท.เตรียมเดินทางไปพบกับนักลงทุนสถาบัน ในงาน ASEAN Exchang ที่ฮ่องกง ในเร็ว ๆ นี้ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับกฎเกณฑ์หรือ Market Structure อย่างไรก็ตาม ตลท.ก็ได้หารือกับภาครัฐในการจัด Roadshow ของประเทศ ส่วนโครงการ TISA ที่อยู่ระหว่างการผลักดันโดยภาครัฐ ซึ่งกระทรวงการคลังก็เห็นชอบหลักการที่จะสนับสนุน แต่ต้องติดตามรายละเอียดว่าส่วนใดที่จะสามารถดำเนินการได้เร็ว เป็น Quick Win ได้

ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทยเดือนกันยายน 2568

  • SET Index ปิดที่ 1,274.17 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 3.0% จากสิ้นเดือนก่อนหน้า โดยตั้งแต่ต้นปี SET Index ปรับลดลง 9.0% กลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2567 ได้แก่ กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มการเงิน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
  • มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมของ SET และ mai อยู่ที่ 43,155 ล้านบาท ลดลง 31.0% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยรายวันรวมในช่วง 9 เดือนแรกของปี อยู่ที่ 43,028 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 11,859 ล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นเดือนกันยายน 2568 นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 96,243 ล้านบาท

เดือนกันยายน 2568 ผู้ลงทุนต่างประเทศยังคงมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดที่ระดับ 47.06% ของมูลค่าการซื้อขายรวม ขณะที่ผู้ลงทุนรายย่อยในประเทศมีสัดส่วนการซื้อขายที่ 37.63% ของมูลค่าการซื้อขายรวม เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 33.98%

  • เดือนกันยายน 2568 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ. เงินเทอร์โบ (TURBO) และใน mai 1 หลักทรัพย์ ได้แก่ บมจ.สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN)
  • Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ณ สิ้นกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 13.9 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 14.1 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 14.7 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 16.0 เท่า
  • อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นกันยายน 2568 อยู่ที่ระดับ 3.86% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.02%

ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) เดือนกันยายน 2568

  • มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 457,290 สัญญา เพิ่มขึ้น 23.7% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures, SET50 Index Options, Gold Online Futures และ Currency Futures อย่างไรก็ดี ในปี 2568 มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 423,887 สัญญา ลดลง 12.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่สำคัญจากการลดลงของ Single Stock Futures และ Gold Online Futures

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ต.ค. 68)