ยูนิเซฟเผย เด็กเฮติพลัดถิ่นจากเหตุรุนแรงพุ่งเกือบเท่าตัวในรอบปี

ยูนิเซฟ (UNICEF) เปิดเผยในวันพุธ (8 ต.ค.) ว่า สถานการณ์ความรุนแรงที่มากขึ้นในเฮติทำให้เด็ก ๆ ต้องพลัดถิ่นถึง 680,000 คน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว เนื่องจากกลุ่มติดอาวุธต่าง ๆ ควบคุมอย่างเข้มงวดมากขึ้น ขณะที่ระบบบริการสาธารณะล่มสลาย

ยูนิเซฟยังประเมินด้วยว่า ปัจจุบันมีประชาชนกว่า 6 ล้านคน หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3.3 ล้านคน ที่กำลังต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

จำนวนผู้พลัดถิ่นที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับบริการด้านสาธารณสุขและการศึกษาที่เสื่อมถอยลง รวมถึงความรุนแรงของกลุ่มอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น ล้วนตอกย้ำถึงความเสี่ยงที่ชาวเฮติหลายล้านคน โดยเฉพาะเด็ก กำลังเผชิญ

แคทเธอรีน รัสเซลล์ ผู้อำนวยการบริหารของยูนิเซฟกล่าวว่า “เด็ก ๆ ในเฮติกำลังประสบกับความรุนแรงและการพลัดถิ่นในระดับที่น่ากลัว แต่ละครั้งที่พวกเขาต้องถูกบังคับให้หนีตาย พวกเขาไม่ได้สูญเสียเพียงบ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงโอกาสในการไปโรงเรียนและโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างเด็กด้วย”

ยูนิเซฟรายงานว่า เด็กกว่า 1 ล้านคนกำลังเผชิญกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง และคาดการณ์ว่าในปี 2568 จะมีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ราว 288,500 คน ที่ต้องทนทุกข์จากภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลัน ขณะเดียวกัน มีประชาชนประมาณ 2.7 ล้านคนอาศัยอยู่ในพื้นที่ควบคุมของกลุ่มติดอาวุธ และยอดผู้พลัดถิ่นภายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 246,000 คนแล้วในปีนี้

ยูนิเซฟเตือนว่า ประชาชนมากกว่า 1.3 ล้านคนถูกบีบให้ออกจากบ้านเรือนของตนเอง ขณะที่เด็ก ๆ จะต้องแบกรับผลกระทบจากวิกฤตนี้หนักขึ้นเรื่อย ๆ

ทั้งนี้ กลุ่มติดอาวุธได้ขยายการควบคุมไปทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของเฮติ จนเกินกว่าขีดความสามารถของตำรวจท้องถิ่น และบีบให้องค์กรด้านมนุษยธรรมต้องลดขนาดการดำเนินงานลง

เมื่อเดือนที่แล้ว คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ได้อนุมัติแผนงานที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เพื่อขยายภารกิจด้านความมั่นคงระหว่างประเทศที่ส่งไปสนับสนุนเจ้าหน้าที่เฮติ ขณะที่ยูนิเซฟกำลังเรียกร้องให้มีการระดมทุนจากนานาชาติอย่างเร่งด่วน เพื่อขยายความช่วยเหลือที่จำเป็นต่อการช่วยชีวิตสำหรับเด็กในเฮติ ซึ่งรวมถึงที่พักพิง การรักษาพยาบาล การศึกษา และน้ำสะอาด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 68)