“พิพัฒน์”เร่งผลักดันสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา-พัทลุง,สะพานเชื่อมเกาะลันตาหวังกระตุ้นเศรษฐกิจใต้

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนากรมทางหลวงชนบท (ทช.) ครบรอบ 23 ปี ว่า ทช.เป็นหน่วยงานสำคัญ ในการพัฒนาโครงข่ายถนนสายรองที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองกับชนบท และทำให้เชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนและการขนส่งสินค้าทางการเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรม รวมถึงเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยว ด้วยความสะดวกรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้กำหนดแนวทางชัดเจนว่า “ทุกโครงสร้างพื้นฐานต้องตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง”

นายพิพัฒน์กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะเร่งผลักดันให้เกิดผลงานเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา (ตำบลเกาะใหญ่ – จองถนน จังหวัดสงขลา – พัทลุง) อำเภอกระแสสินธุ์ จังหวัดสงขลา-อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง ) ระยะทาง 7 กม. วงเงิน 4,841 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 4,700 ล้านบาท และค่าจ้างควบคุมงานก่อสร้าง 141 ล้านบาท และโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา (ตำบลเกาะกลาง – เกาะลันตาน้อย จังหวัดกระบี่) ระยะทาง 2,240 เมตร วงเงิน 1,854 ล้านบาท เป็นค่าก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท และค่าจ้างควบคุมงานก่อสร้าง 54 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการสำคัญในพื้นที่ภาคใต้ ที่ริเริ่มในสมัยที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็น รมว.คมนาคม จะช่วยลดระยะเวลาเดินทาง เพิ่มความปลอดภัย และกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของภาคใต้ให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด

“สะพานทั้งสองแห่งนี้จะเชื่อมชีวิตผู้คนกับโอกาสใหม่ ๆ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และคุณภาพชีวิต”

ทั้ง 2 โครงการใช้เงินกู้ ธนาคารโลก (World Bank) 70% และเงินงบประมาณ 30 % ขณะนี้ ทช.เปิดการประกวดราคานานาชาติ อยู่ในขั้นตอนที่ธนาคารโลกพิจารณาผลข้อเสนอด้านเทคนิค คาดว่าจะตอบยืนยันเร็วๆ นี้ จากนั้นจะเปิดข้อเสนอด้านราคาต่อไป ในขณะเดียวกัน ทช.จะหารือกับสำนักบริหารหนี้ (สบน.) เพื่อดำเนินการคู่ขนาน คาดว่าจะลงนามกับผู้ได้รับคัดเลือกทั้ง 2 โครงการในเดือนธ.ค. 68 นี้

สำหรับปี 69 ทช.ได้รับงบประมาณ 52,000 ล้านบาท โดยให้เร่งรัดจัดซื้อจัดจ้าง ในช่วง 4 เดือนตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 68 เป็นต้นไป คาดว่าจะสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ไม่น้อยกว่า 50% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ได้มากที่สุด รวมถึงเกิดการจ้างงานทั่วประเทศ

ส่วนสถานการณ์อุทกภัยในปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อเส้นทางหลวงชนบทใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ โดยมีสายทางได้รับความเสียหาย 59 สายทาง ขณะนี้สามารถเปิดสัญจรได้แล้ว 40 สายทาง และอยู่ระหว่างซ่อมแซมอีก 19 สายทาง พร้อมสั่งการให้ ทช. เร่งติดตั้งสะพานเบลีย์ชั่วคราว เปิดทางสัญจรให้ประชาชนโดยเร็ว รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดเสี่ยง ติดตั้งป้ายเตือน และให้ข้อมูลเส้นทางเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน พร้อมย้ำว่า “ทุกถนนที่เสียหายต้องซ่อมกลับมาใช้งานได้เต็มรูปแบบโดยเร็วที่สุด” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน

ด้านนายพิชิต หุ่นศิริ รักษาราชการแทนอธิบดี ทช. กล่าวว่า โครงการสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา และโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา ทช.เปิดประกวดราคานานาชาติตามเงื่อนไขเงินกู้ธนาคารโลก โดยมีผู้ยื่นประมูล 4 ราย จากที่ซื้อเอกสารไปกว่า 20 ราย คาดว่าธนาคารโลกจะยืนยันผลการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคภายใน 2-3 วัน ลงนามสัญญาในเดือนธ.ค. 68 ใช้เวลาก่อสร้าง 30 เดือน

ปัจจุบัน ทช. ดูแลโครงข่ายถนนทั่วประเทศกว่า 51,000 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 77 จังหวัด โดยในปีงบประมาณ 2569 ได้รับงบกว่า 53,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบบำรุง 20,000 ล้านบาท งบด้านความปลอดภัย 10,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นงบก่อสร้างสำหรับโครงการผูกพันและโครงการใหม่ ซึ่งในปี 69 มีโครงการใหญ่ 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,810 ล้านบาท ได้แก่

1. ถนนสายแยก ทช. ชม.3029 แยกทล.1006 อ.เมืองเชียงใหม่,สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่2) เลี่ยงเมืองต้นเปา จ.เชียงใหม่ วงเงิน 720 ล้านบาท ( ปี 69 วงเงิน 108 ล้านบาท/ปี 70 วงเงิน 288 ล้านบาท /ปี 71 วงเงิน 324 ล้านบาท)

2. ถนนสายแยก ทช.ชม. 3029 แยกทล.1006 อ.เมืองเชียงใหม่,สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่3) เลี่ยงเมืองต้นเปา จ.เชียงใหม่ วงเงิน 780 ล้านบาท ( ปี 69 วงเงิน 117 ล้านบาท/ปี 70 วงเงิน 312 ล้นบาท /ปี 71 วงเงิน 351 ล้านบาท)

3. ถนนสายแยกทล.34 ( กม.ที่26 )เชื่อมกับทางหลวงชนบท สาย ฉช. 3001 จ.สมุทรปราการ (ตอนที่2) ช่วงที่ 1 วงเงิน 700 ล้านบาท ( ปี 69 วงเงิน 105 ล้านบาท/ปี 70 วงเงิน 280 ล้นบาท /ปี 71 วงเงิน 315 ล้านบาท)

4.สะพานข้ามทางรถไฟบนถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยานศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่3 อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม วงเงิน 610 ล้านบาท ( ปี 69 วงเงิน 91.5 ล้านบาท/ปี 70 วงเงิน 244 ล้นบาท /ปี 71 วงเงิน 274.5 ล้านบาท)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ต.ค. 68)