ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ หุ้นกลุ่มแบงก์-ยานยนต์ร่วงฉุดตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงในวันพฤหัสบดี (9 ต.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้น HSBC และ Ferrari ส่งผลให้ดัชนี STOXX ลดลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดกับความปั่นป่วนทางการเมืองที่รุนแรงขึ้นในฝรั่งเศส

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 571.31 จุด ลดลง 2.48 จุด หรือ -0.43%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,041.36 จุด ลดลง 18.77 จุด หรือ -0.23%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,611.25 จุด เพิ่มขึ้น 14.12 จุด หรือ +0.06% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,509.40 จุด ลดลง 39.47 จุด หรือ -0.41%

ดัชนี STOXX 600 ปิดลดลง 0.4% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ในการซื้อขายเมื่อวันพุธ

หุ้น Ferrari ร่วงลงหนักที่สุดในวันเดียวเป็นประวัติการณ์ ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. หลังบริษัทเปิดเผยเป้าหมายทางการเงินระยะยาวที่น่าผิดหวัง ซึ่งทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงและบดบังความสนใจในการเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของผู้ผลิตรถหรูรายนี้

หุ้นกลุ่มยานยนต์ปรับตัวแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ขณะที่หุ้น Michelin ก็มีส่วนกดดันตลาดเช่นกัน โดยหุ้นของผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของฝรั่งเศสร่วงลง 3.8% หลังระบุว่ายอดขายในไตรมาส 3 ปี 2568 จะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

หุ้น HSBC ร่วงลง 5.4% และเป็นแรงกดดันต่อดัชนี STOXX ด้วย หลังธนาคารรายใหญ่ของอังกฤษประกาศแผนเข้าซื้อหุ้นส่วนน้อยใน Hang Seng Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือด้วยมูลค่าประมาณ 1.36 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ

หุ้น Lloyds Banking Group ร่วงลง 3.3% หลังธนาคารเปิดเผยว่าอาจต้องกันเงินสำรองเพิ่มเติมเพื่อชดเชยให้กับลูกค้าสินเชื่อรถยนต์จากการตรวจสอบภายใน

บรรดานักลงทุนยังคงเฝ้าดูสถานการณ์ในฝรั่งเศสอย่างใกล้ชิด ขณะที่ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง กำลังมองหานายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ในรอบไม่ถึง 2 ปี โดยหวังว่าผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่จะสามารถนำงบประมาณผ่านสภาที่กำลังเผชิญวิกฤตได้

สินทรัพย์ของฝรั่งเศสผันผวนเมื่อต้นสัปดาห์ หลังจากเซบาสเตียน เลอกอร์นู นายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ของฝรั่งเศสภายในระยะเวลา 2 ปี ได้ยื่นใบลาออกพร้อมคณะรัฐมนตรีเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังประกาศรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่

ตลาดหุ้นฝรั่งเศสยังคงเป็นหนึ่งในตลาดที่ปรับตัวล้าหลังที่สุดของปี 2568 โดยเพิ่มขึ้นราว 9.2% เทียบกับตลาดหลักอื่น ๆ ที่ปรับขึ้นเป็นเลขสองหลัก

ในด้านเศรษฐกิจมหภาค รายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เมื่อวันที่ 10–11 ก.ย. ระบุว่า ผู้กำหนดนโยบายเห็นว่าชุดเครื่องมือที่มีอยู่ยังคงแข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเงินเฟ้อในยูโรโซน ทำให้สามารถคงอัตราดอกเบี้ยไว้ได้จนกว่าสถานการณ์จะชัดเจนขึ้น

ECB ยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ตามเดิม และแสดงท่าทีระมัดระวังแต่ค่อนข้างมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ พร้อมส่งสัญญาณว่าการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมจะเกิดขึ้นได้ยาก แม้ภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 68)