
บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินดัชนี SET สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1,250-1,320 จุด ท่ามกลางแรงกดดันความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ประกอบกับเศรษฐกิจส่อชะลอตัวจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลาง จับตามารตการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งนโยบายพลังงาน “Quick Big Win” การขนส่งทางราง และมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว แนะกลยุทธ์ช้อป 6 หุ้นเด่น MINT, ERW, CENTEL, AWC, BA, AAV
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ GBS กล่าวว่า ดัชนี SET ในสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวผันผวนท่ามกลางความกังวลต่อสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนระบุว่ามาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีนชอบด้วยกฎหมายและสอดคล้องกับกฎระเบียบของจีน วัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาระบบการควบคุมการส่งออกให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เป็นปัจจัยกดดันบรรยากาศการลงทุนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลงอย่างต่อเนื่องยังส่งผลลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงานอีกด้วย
ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัวจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลกลางต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า Government Shutdown ซึ่งดำเนินต่อเนื่องเข้าสู่สัปดาห์ที่สองอาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสูงถึงสัปดาห์ละ 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสถานการณ์ที่ยืดเยื้อเริ่มส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนและความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ
ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้เปิดเผยดัชนีภาคการผลิตในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกปรับลงรุนแรงถึง 36 จุด สู่ระดับ -12.8 ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ +9.5 โดยดัชนีที่มีค่าเป็นลบสะท้อนถึงภาวะหดตัวของภาคการผลิตในภูมิภาคดังกล่าว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการจ้างงานที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยในประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในการพยุงดัชนี โดยล่าสุด ผู้จัดการสำนักงานบริหารกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน (ส.กทอ.) ยืนยันความพร้อมในการเดินหน้าตามนโยบาย Quick Big Win ของกระทรวงพลังงานและรัฐบาล โดยจะจัดสรรงบประมาณปี 2568 เพื่อสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงาน โดยเน้นพื้นที่ห่างไกลที่ยังไม่มีไฟฟ้าเข้าถึง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนทุรกันดาร
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการขนส่งทางราง คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ของประเทศให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ด้านสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) โดยขยายประเภททรัพย์สินที่สามารถลงทุนได้ ให้ครอบคลุมถึงหน่วยลงทุนของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infra Funds) ที่มีความโดดเด่นด้านความยั่งยืน เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนที่สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับปัจจัยในประเทศที่อาจจะส่งผลต่อการลงทุน อาทิ วันที่ 14-21 ต.ค. หุ้นกลุ่มธนาคารส่งงบการเงินงวดไตรมาส 3/68, สัปดาห์ที่ 4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์, กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ, สัปดาห์ที่ 5 สศค. รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค, ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค, สศอ. แถลงดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและ วันที่ 31 ต.ค. ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ อาทิ วันที่ 21 ต.ค. สหรัฐ รายงานยอดขายของห้างสรรพสินค้าในสหรัฐฯ,22 ต.ค. ญี่ปุ่น รายงานยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.ย.,สหรัฐ รายงานสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์, 23 ต.ค. สหรัฐ รายงานดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ย. และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., 28-29 ต.ค. ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ครั้งที่ 7/68
นายวัชเรนทร์ จงยรรยง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย GBS แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว ได้แก่ MINT, ERW, CENTEL, AWC, BA, AAV โดยในสัปดาห์นี้จับตาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะพิจารณา 4 มาตรการใหญ่กระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มการเดินทางเมืองรอง ครอบคลุมสิทธิลดหย่อนภาษี คาดว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ปี 2568 ราว 0.05-0.06% สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนหลายหมื่นล้านบาท


โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ต.ค. 68)