
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.52 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 32.71 บาท/ดอลลาร์
เงินบาทเคลื่อนไหวตามทิศทางราคาทองคำในตลาดโลกเมื่อคืน ที่ปรับขึ้นไปกว่า 146 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งสวนทางกับค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยรอการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ และรอดูผลหารือเรื่องการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งค่า ระหว่างผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
“บาทเปิดตลาดแข็งค่าจากเย็นวานนี้ ลงมามากตามราคาทอง บาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค ทิศทางผันผวน เคลื่อนไหวสวนทางกับค่าเงินภูมิภาค” นักบริหารเงิน กล่าว
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.40 – 32.60 บาท/ดอลลาร์
* ปัจจัยสำคัญ
– เงินเยน อยู่ที่ระดับ 150.59 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 150.70 เยน/ดอลลาร์
– เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.1653 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1660 ดอลลาร์/ยูโร
– อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก ระหว่างธนาคารของธปท. อยู่ที่ระดับ 32.756 บาท/ดอลลาร์
– ส.อ.ท.เปิดฉากหารือ ธปท. วันนี้ (21 ต.ค.) แก้ปมค่าเงินบาทที่ผันผวน ย้ำภาวะเศรษฐกิจไตรมาส 4 น่าเป็นห่วงเปรียบประเทศไทยเหมือน “รถติดหล่ม” เพราะเผชิญสารพัดปัจจัยเสี่ยง คาดจีดีพีไตรมาส 4 อาจโตเพียง 0.3% ส่งผลจีดีพีตลอดทั้งปีนี้ ขยายตัวได้เพียง 2%
– ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (20 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้
– สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 3% ในวันจันทร์ (20 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ รวมทั้งความต้องการซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้
– ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า การปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ หรือ government shutdown มีแนวโน้มสิ้นสุดลงในสัปดาห์นี้ แต่หากยังไม่เกิดขึ้น รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจใช้มาตรการที่เข้มงวดขึ้น เพื่อบังคับให้พรรคเดโมแครตให้ความร่วมมือ
– ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน หรือ Blackout Period ก่อนที่การประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 28-29 ต.ค.
– นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนก.ย. ในวันศุกร์นี้ (24 ต.ค.) เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
– นักลงทุนติดตามการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ จะพบปะกับรองนายกรัฐมนตรีจีน ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคที่เกาหลีใต้ในช่วงปลายเดือนนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ต.ค. 68)