นายกฯ ไทย-กัมพูชา ร่วมลงนามถ้อยแถลงผลหารือเพื่อก้าวไปสู่สันติภาพ

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมลงนามถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย (Joint Declaration by the Prime Minister of the Kingdom of Cambodia and the Prime Minister of the Kingdom of Thailand on the outcomes of their meeting in Kuala Lumpur, Malaysia) โดยมีนายโดนัลด์ เจ ทรัมป์ (The Honorable Donald J.Trump) ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ และดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม (Dato’ Seri Anwar Ibrahim) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ร่วมลงนามเป็นสักขีพยานของถ้อยแถลงดังกล่าว ซึ่งพิธีลงนามในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนต่างประเทศร่วมติดตามและรายงานข่าวเป็นจำนวนมาก

ในโอกาสนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ซึ่งอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่มีคุณูปการต่อประเทศชาติอย่างเอนกอนันต์

สำหรับการลงนามในครั้งนี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยกย่องนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศที่ให้การตอบรับการเจรจา และยุติการหยุดยิงทันที เพี่อลดการสูญเสียชีวิต พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่เป็นตัวกลางในครั้งนี้

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นหมุดหมายบทใหม่ของความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งเป็นการก้าวเดินอย่างเป็นรูปธรรมไปสู่สันติภาพ โดยกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่ได้แสดงบทบาทนำในฐานะประธานอาเซียน และพยายามอย่างแข็งขันในการธำรงไว้ซึ่งความเป็นเอกภาพของอาเซียน พร้อมแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อส่งเสริมสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นการเดินทางมาไกลตั้งแต่ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องต่อข้อตกลงหยุดยิงที่มาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 การหารืออย่างต่อเนื่องนับแต่นั้นนำมาซึ่งผลลัพธ์สำคัญ คือ การลงนามถ้อยแถลงในวันนี้

นายกรัฐมนตรียังขอบคุณประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับคำแสดงความเสียใจต่อประเทศกรณีการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย คำแสดงความเสียใจนี้มีความหมายอย่างยิ่งต่อประชาชนชาวไทยทุกคน

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ไทยยึดมั่นในสันติภาพ ถ้อยแถลงฉบับนี้สะท้อนเจตจำนงของเราที่จะลดช่องว่างความแตกต่างโดยสันติ ซึ่งหากสามารถดำเนินการตามถ้อยแถลงฉบับนี้ได้อย่างครบถ้วนจะเป็นรากฐานสำคัญของสันติภาพที่ยั่งยืน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ การเริ่มต้นฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างกัน ที่ผ่านมาชุมชนชายแดนของทั้งสองประเทศถูกแบ่งแยกด้วยความขัดแย้ง และพลเรือนผู้บริสุทธิ์ต้องเผชิญกับการสูญเสียที่ใหญ่หลวง ดังนั้นถ้อยแถลงฉบับนี้จึงกำหนดความรับผิดชอบที่ชัดเจนแก่ทั้งสองฝ่ายให้ลงมือปฏิบัติ

เราสามารถบรรลุสิ่งที่เคยดูเหมือนเกินเอื้อมได้ ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจึงยินดีต่อข้อตกลงที่ว่าหลังการลงนามถ้อยแถลงในวันนี้ ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มดำเนินการตามที่ได้ตกลงกันไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดนโดยเร็ว เพื่อรับประกันความปลอดภัยให้แก่ประชาชน และสร้างความเชื่อมั่นและไว้เนื้อเชื่อใจ ก่อนที่ไทยจะเริ่มกระบวนการปล่อยตัวทหารกัมพูชาที่ถูกควบคุมตัวจำนวน 18 นาย โดยเรามีความรับผิดชอบที่จะต้องดำเนินการด้วยความจริงใจและด้วยความสุจริตใจ เพื่อฟื้นฟูวิถีชีวิตและคุ้มครองความเป็นอยู่ของผู้คนตามแนวชายแดนร่วม

หากต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงเกิดขึ้นในพื้นที่ สิ่งที่ได้ตกลงกันในวันนี้ต้องถูกนำไปปฏิบัติจริง จึงจะสามารถเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่ได้อย่างแท้จริง สร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้แก่ประชาชน จึงจะเป็นการบรรลุสันติภาพที่แท้จริง ซึ่งคือสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง และสมควรได้รับ “สันติภาพที่มาพร้อมศักดิ์ศรี”

นายกรัฐมนตรีเชิญชวนมิตรประเทศร่วมกันสนับสนุนกระบวนการนี้เพื่อให้การดำเนินการตามถ้อยแถลงเป็นไปอย่างครบถ้วนและด้วยความจริงใจ นำไปสู่การฟื้นฟูเสถียรภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือให้กลับมาอีกครั้ง ทั้งระหว่างไทยและกัมพูชา และทั่วทั้งภูมิภาค

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีมีความยินดีอย่างยิ่งที่ในวันนี้เราได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยกรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างสหรัฐอเมริกากับประเทศไทย (Joint Statement on a Framework for a U.S. -Thailand Agreement on Reciprocal Trade) ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกให้การเจรจาเรื่องภาษีสามารถบรรลุข้อสรุปได้ภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงจะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลทั้งสองประเทศว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่ธาตุที่มีความสำคัญ (MOU between our governments on cooperation on critical minerals) ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความยืดหยุ่นและความยั่งยืนของห่วงโซ่อุปทานในระยะยาวต่อไป

ทั้งนี้ ฝ่ายไทยมีคณะเข้าร่วม ได้แก่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.ต่างประเทศ, นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รมว.พาณิชย์, พล.อ.อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขาธิการนายกรัฐมนตรี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ต.ค. 68)