ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ นลท.หันโฟกัสผลประกอบการ

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบในวันอังคาร (28 ต.ค.) หลังจากปิดทำสถิติสูงสุดติดต่อกันสามวัน เนื่องจากนักลงทุนเปลี่ยนความสนใจจากประเด็นการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ไปยังผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

  • ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 575.76 จุด ลดลง 1.27 จุด หรือ -0.22%
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 8,216.58 จุด ลดลง 22.60 จุด หรือ -0.27%,
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,278.63 จุด ลดลง 30.15 จุด หรือ -0.12% และ
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,696.74 จุด เพิ่มขึ้น 42.92 จุด หรือ +0.44%

ส่วนดัชนีตลาดหุ้นฟินแลนด์ปิดบวก 1.8% แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี หลังหุ้น Nokia พุ่งขึ้นกว่า 20% แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2559 หลังจากอินวิเดียประกาศแผนลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ในบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมรายนี้

ดัชนีหุ้นกลุ่มโทรคมนาคมโดยรวมปรับขึ้น 2.2% แซงหน้ากลุ่มอื่น ๆ

ในทางกลับกัน หุ้นเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่ร่วงลง 1.7% โดยหุ้น Novartis จากสวิตเซอร์แลนด์ร่วงลง 4.2% แม้ว่าผลกำไรไตรมาส 3 จะเป็นไปตามคาดการณ์ก็ตาม

หุ้นกลุ่มก่อสร้างและวัสดุในยุโรปลดลง 0.8% โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้น Sika ที่ร่วงลง 5.9% หลังถูกปรับลดอันดับความน่าลงทุน

ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้น 0.8% โดยหุ้น HSBC พุ่ง 4.6% หลังจากปรับเพิ่มแนวโน้มรายได้และประกาศแผนเข้าสู่โหมดการเติบโตผ่านการเข้าซื้อกิจการ Hang Seng Bank ส่งผลให้ดัชนี FTSE 100 ของอังกฤษพุ่งทะลุระดับ 9,700 จุดเป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม หุ้น BNP Paribas ร่วงลง 3.5% หลังจากธนาคารฝรั่งเศสรายนี้รายงานผลกำไรไตรมาส 3 ต่ำกว่าที่คาดไว้

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นทำสถิติสูงสุดเมื่อเร็ว ๆ นี้ จากความเชื่อมั่นต่อความเป็นไปได้ของข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ก่อนการพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำจีนในเกาหลีใต้ในวันพฤหัสบดีนี้

ข้อตกลงการค้าดังกล่าวคาดว่าจะช่วยยุติการเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น และการควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน ซึ่งจะช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดระหว่างสองมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจได้บางส่วน

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตอนนี้นักลงทุนในตลาดมีแนวคิดว่าความสัมพันธ์ทางการค้าและระหว่างจีน-สหรัฐฯ ได้รับการคลี่คลายและอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้นแล้วอย่างน้อยก็ในระยะสั้น

สัปดาห์นี้ตลาดยังจับตาการประกาศนโยบายของธนาคารกลางหลักทั่วโลก โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในวันพุธนี้ ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในวันพฤหัสบดีนี้

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจนั้น ผลสำรวจของ ECB พบว่า ผู้บริโภคในยูโรโซนปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะ 1 ปีลง แต่คงมุมมองระยะยาวไว้เท่าเดิม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 68)