Decrypto: เข้าใจ “กฎหมายฟอกเงิน” ง่าย ๆ ใน 5 นาที

ต่อจากบทความที่แล้วที่ได้กล่าวถึงอาชญากรรมออนไลน์ข้ามพรมแดนที่เติบโตอย่างรวดเร็ว “การฟอกเงิน” (Money Laundering) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญของกลุ่มอาชญากรในการทำให้เงินผิดกฎหมายดูเหมือนถูกกฎหมาย

เงินผิดกฎหมายต่าง ๆ ไม่ว่าจะมาจากสแกมเมอร์, การค้ามนุษย์, ยาเสพติด, หรือ การฉ้อโกงประชาชน สุดท้ายเงินเหล่านั้นต้องถูก “ล้างร่องรอย” ก่อนนำกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

จากคดีสแกมเมอร์ถึงกฎหมายไทย การฟอกเงินคืออะไร?

การฟอกเงิน คือการ “เปลี่ยนเงินสกปรกให้ดูสะอาด” หรือทำให้ทรัพย์สินที่ได้จากความผิดกฎหมายดูเหมือนรายได้ถูกต้องตามกฎหมาย ตัวอย่างง่าย ๆ เช่น เงินจากการหลอกลงทุนออนไลน์ ถูกโอนผ่านหลายบัญชี > ซื้อทรัพย์สิน > ขายคืนเป็นเงินสด > ลงทุนในธุรกิจถูกกฎหมาย

ขั้นตอนการฟอกเงิน 3 ระยะ

  1. Placement (การนำเงินเข้าระบบ) นำเงินผิดกฎหมายเข้าสู่ระบบการเงิน เช่น ฝากธนาคาร ซื้อทรัพย์สิน หรือโอนออกนอกประเทศ
  2. Layering (การซ่อนร่องรอย) โอนหลายบัญชี เปลี่ยนชื่อผู้ถือ หรือทำธุรกรรมซับซ้อน เพื่อให้ตามรอยยาก
  3. Integration (การทำให้ถูกกฎหมาย) นำเงินกลับเข้าสู่ระบบในรูปแบบบริษัท บัญชีธุรกิจ หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ดูถูกต้อง

กฎหมายการฟอกเงินของไทยตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 กำหนดว่า “ผู้ใดโอน รับโอน หรือเปลี่ยนสภาพทรัพย์สิน โดยรู้หรือควรรู้ว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิด เพื่อปกปิดหรืออำพรางแหล่งที่มา” ถือว่ามีความผิดฐานฟอกเงิน

ความผิดมูลฐาน (Predicate Offence) หมายถึง “ต้นทางของเงินผิดกฎหมาย” เช่น ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด, การค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ล่อลวงเด็กหรือเยาวชน, การหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น, การฉ้อโกงประชาชน แชร์ลูกโซ่ สแกมออนไลน์, การยักยอก ทุจริตในสถาบันการเงิน, เจ้าหน้าที่รัฐรับสินบน, การกรรโชก รีดทรัพย์ ปล้นทรัพย์ หรือรับของโจร, การพนันผิดกฎหมาย พนันออนไลน์, การปลอมแปลงเงินตรา เอกสารสิทธิ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หนังสือเดินทาง, ฉ้อโกงทรัพย์สินทางการค้า, ความผิดเกี่ยวกับ ทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม สัตว์ป่า, การค้าอาวุธ วัตถุระเบิด, การก่อการร้าย หรือการลักลอบนำเข้าส่งออกของผิดกฎหมาย หรือหนีภาษี เป็นต้น เมื่อเกิดความผิดเหล่านี้ขึ้น หากมีการนำเงินไปหมุนเวียน ปกปิด หรือเปลี่ยนรูปทรัพย์สิน ก็จะต่อยอดเป็น “คดีฟอกเงิน” ทันที

ตัวอย่างการกระทำที่ถือว่าเป็นความผิดฐานฟอกเงิน เช่น โอนทรัพย์เพื่อปกปิดแหล่งที่มา โอนเงินจากการค้ายาเสพติดไปต่างประเทศเพื่อให้ดูเหมือนเป็นรายได้ถูกกฎหมาย, โอนทรัพย์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นผิด โอนเงินไปต่างประเทศให้ญาติของผู้กระทำความผิด เพื่อไม่ให้ถูกสงสัย, รับโอนทรัพย์ที่รู้ว่ามาจากการกระทำความผิด รับเงินจากการค้ายาเสพติดไว้ในบัญชีตัวเอง, รับโอนทรัพย์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นโทษ เพื่อนรับโอนเงินแทนผู้ค้ายาเพื่อช่วยปกปิดที่มาของเงิน, เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินเพื่อปกปิดแหล่งที่มา นำเงินผิดกฎหมายไปซื้อบ้าน รถ หรือหุ้น เพื่อให้ดูเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยสุจริต, เปลี่ยนสภาพทรัพย์เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นผิด ช่วยผู้กระทำผิดซื้อทรัพย์สินแทน เพื่อซ่อนความเชื่อมโยงกับเงินต้นทาง รวมไปถึงกระทำด้วยวิธีใด ๆ เพื่อปกปิดที่มาของทรัพย์สิน เช่น ฝากเงินในธนาคาร ซื้อขายผ่านบริษัทบังหน้า ลงทุนในธุรกิจต่างประเทศ หรือร้านค้าปลีก เพื่อให้เงินดู “สะอาด”

สามารถสรุปได้ว่าการฟอกเงินคือการทำให้ทรัพย์สินที่ได้มาจากความผิดกฎหมายดูเหมือนถูกกฎหมาย ไม่ว่าจะโอน รับโอน เปลี่ยนสภาพ หรือช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นผิด ล้วนถือว่ามีความผิดฐานฟอกเงินตามกฎหมายไทย

หลักฐานสำคัญในคดีฟอกเงิน เช่น รายการเดินบัญชี / สลิปโอนเงิน, เอกสารการถือครองทรัพย์ เช่น โฉนด รถ หุ้น, ข้อมูลจากระบบ e-Banking และแอปโอนเงิน, ข้อความแชต / อีเมลที่สื่อถึงการอำพราง และพฤติกรรมการใช้เงินที่ไม่สอดคล้องกับรายได้

หน่วยงานในประเทศไทยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง. หรือ AMLO) ตรวจสอบธุรกรรมและอายัดทรัพย์, สำนักงานอัยการสูงสุด ฟ้องคดี, ศาลอาญา / ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิจารณาคดีและยึดทรัพย์ และธนาคาร / สถาบันการเงิน รายงานธุรกรรมที่น่าสงสัย

การเข้าใจกระบวนการฟอกเงินมีความสำคัญกับเรา เพราะเงินที่ถูกฟอกกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างแนบเนียน อาจกลายเป็นเงินลงทุนในธุรกิจใกล้ตัวเรา หรืออยู่ในบัญชีของคนที่เราไม่รู้จัก การรู้เท่าทันสัญญาณการฟอกเงินช่วยให้เราป้องกันตัวเองและไม่ตกเป็น “เครื่องมือของอาชญากร”

ดุษดี ดุษฎีพาณิชย์

ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายการค้า การลงทุน และอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 68)