
โบรกเกอร์รุมเชียร์ “ซื้อ”หุ้น บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ [BDMS] คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/68 โต YoY และ QoQ หลังเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวในไตรมาส 3/68 จากไตรมาส 2/68 ลงสู่ต่ำสุดของปี เป็นผลจากลูกค้ากลุ่มสำคัญอย่างตะวันออกกลางเข้ามาใช้บริการและพักรักษาลดลงหลังภาวะเศรษฐกิจโลกไม่เอื้ออำนวย ขณะที่ลูกค้าฝั่งกัมพูชาลดลงไปบ้างจากปัญหาขัดแย้งชายแดนไทย
ราคาหุ้น BDMS ณ ปัจจุบันไม่ได้แพงมาก เทรดบน P/E แค่ราว 17-18 เท่า ทำให้อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) สูงขึ้นมา 4.0-4.5%
หุ้น BDMS ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 19.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท (+0.53%)
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย ยังคงคำแนะนำ”ซื้อ”หุ้น BDMS ด้วยราคาเป้าหมาย 26.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1%YoY และ เพิ่มขึ้น 23% QoQ ซึ่งฟื้นตัวมาจากไตรมาส 2/68 ที่เป็นไตรมาสที่ผลประกอบการต่ำสุดของปี อย่างไรก็ดี การเติบโต YoY ยังไม่มากนัก เนื่องจากผู้ป่วยจากเมียนมา และตะวันออกกลางลดลง โดยผู้ป่วยจากกลุ่มตะวันออกกลางรับผลกระทบจากราคาน้ำมันปรับตัวลงกดดันภาวะเศรษฐกิจ ทำให้ชะลอการเดินทาง และกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มอื่น ๆ ก็ยังลดลง เช่นเดียวกับผู้ป่วยในกัมพูชาก็ลดลงเช่นกัน
แนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 4/68 คาดจะเติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่มาล่าช้าในปีนี้ โดยมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องในเดือน ต.ค. ช่วยหนุนรายได้ทั้งไตรมาสสูงขึ้น YoY จากฐานต่ำในไตรมาส 4/68 และการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น โดยเฉพาะชาวจีน อีกทั้งแนวโน้มการเติบโตของสัดส่วนผู้ป่วยโรคซับซ้อนคาดว่าจะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้น และ EBITDA Margin แข็งแกร่งที่ 37% และ 25% ตามลำดับ
ทั้งปี 68 คาดว่ากำไรสุทธิเติบโต 5% ชะลอตัวจากปี 67 ที่กำไรสุทธิโต 11% ขณะที่ในปี 69 คาดกำไรสุทธิเติบโต 9%
นายธนเดช กล่าว่า ราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลปรับตัวลงจน P/E ลดลงมาเหลือ 17-18 เท่าจากที่เคยสูงเกิน 30 เท่า ซึ่งเห็นว่าเป็นราคาที่สมเหตุสมผล
“กลุ่มโรงพยาบาลเคยแพง แต่พอลูกค้าต่างประเทศเข้ามาน้อย นักท่องเที่ยวที่มาพักรักษาตัวก็ลดลง แต่มองว่า Downside จำกัด ตอนนี้ P/E กลุ่มนี้อยู่ที่ 17-18 เท่าจากที่เคยสูงถึง 30 กว่าเท่า ราคาก็กลับมาสมเหตุสมผลมากขึ้น” นายธนเดช กล่าว
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดการณ์กำไรสุทธิของ BDMS ไตรมาส 3/68 จะอ่อนลง -4% y/y แต่ +17% q/q การลดลง y/y เป็นผลจากรายได้ผู้ป่วยกัมพูชาลดลงมาก (หดตัว 60-70% y/y) ซึ่งรายได้ผู้ป่วยกลุ่มนี้คิดเป็น 3% ของรายได้รวม แต่บางส่วนได้รับการชดเชยจากรายได้ผู้ป่วยตะวันออกกลางที่เพิ่มขึ้น (โต 4-6% y/y) ส่วนรายได้ผู้ป่วยไทยเติบโตชะลอลง
ด้าน EBITDA margin ลดลงมาอยู่ที่ 23.5% (เทียบกับ 24.9% ในไตรมาส 3/67 และ 22.5% ในไตรมาส 2/67) ส่วนการเติบโต q/q มาจากปัจจัยฤดูกาล
แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/68 คาดกำไรจะกลับมาเติบโต yoy แนวโน้มรายได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากที่ลดลง -2% yoy ในช่วง ก.ค.-ส.ค.68 มาเป็น +7% yoy ในเดือนก.ย.68 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น +8%-10% yoy ในเดือนต.ค.68 แรงหนุนสำคัญมาจากการระบาดของไข้หวัดใหญ่ และการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของผู้ป่วยกัมพูชา
โดยปรับลดประมาณการกำไรปี 68-70 ลง 2%-5% สะท้อนสมมติฐานการเติบโตของรายได้และ EBITDA margin ที่ลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ล่าช้า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่ยาวนานกว่าคาด
คงคำแนะนำ”ซื้อ” หุ้น BDMS ให้ราคาพื้นฐาน 28 บาท (DCF) ณ ราคาปัจจุบัน BDMS ซื้อขายที่ P/E ปี 26F ที่ 17.8 เท่า (Mean-2SD) ปัจจัยหนุนระยะสั้นคือ การฟื้นตัวของผลประกอบการในไตรมาส 4/68 และคาดว่า Dividend Yield จะอยู่ที่ 4%-4.5% ต่อปี ในช่วงปี 68-70
บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่า BDMS จะแจ้งกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 ที่ 4.17 พันล้านบาท (-1.7% YoY แต่ +19.6% QoQ) คิดเป็น 24.2% ของประมาณการเดิมสำหรับปีของเรา ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 68 น่าจะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท (+3.1% YoY) คิดเป็น 70.0% ของประมาณการกำไรเดิมของเรา
ขณะที่เราปรับลดประมาณการกำไรปี 68 ลง 7.1% และปี 69 ลง 9.6% คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ขยับราคาเป้าหมายลงไปเป็นสิ้นปี 69 ที่ 24.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ TG ที่ 1.0%) จากเดิม 32.00 บาท (อิงปี 2568F และ TG ที่ 2%)
กำไรไตรมาส 3/68 คาดว่าจะดูไม่น่าตื่นเต้น จากผลงานในอดีตของบริษัท เราพบว่าการเติบโตของรายได้มักได้รับผลเชิงลบจากโรคตามฤดูกาลที่ชะลอตัวลง YoY (เช่น ไข้หวัดใหญ่, การติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ (RSV) และไข้เลือดออก) ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.จากนั้นจะเห็นการฟื้นตัวแข็งแกร่งช่วง ก.ย.-ต.ค.ตามมาหลังช่วงฝนตกหนัก ดังนั้น คาดว่ารายได้ไตรมาส 3/68 ของบริษัทจะเติบโตต่ำเพียง 1% YoY และ 6.5% QoQ อยู่ราว 2.74 หมื่นล้านบาท โดยช่วงไตรมาส 3/68 จำนวนผู้ป่วยจากตะวันออกกลางและเมียนมายังคงแข็งแกร่ง ส่วนผู้ป่วยชาวกัมพูชาคาดว่าจะคงอ่อนตัวลง สอดคล้องกับความขัดแย้งบริเวณชายแดนที่ยังมีอยู่ ทั้งนี้ ผู้ป่วยชาวกัมพูชาเคยมีสัดส่วนอยู่ราว 3% ของรายได้รวม
อัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) อ่อนตัวลง YoY เราคาดว่า margin ใน ไตรมาส 3/68 ของ BDMS จะแผ่วลง YoY แต่แข็งแกร่งขึ้น QoQ ที่ 34.5% เทียบกับ 34.9% ในไตรมาส 3/67 และ 32.5% ในไตรมาส 2/68 เนื่องจากจำนวนผู้ป่วยโรคร้ายแรง (intensity patients) ลดลงเล็กน้อย YoY แต่ยังแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากปัจจัยฤดูกาล
คาดอัตราภาษีที่แท้จริง (Effective tax rate) ที่ 19.8% เราคาดว่า BDMS จะแจ้งอัตราภาษีที่แท้จริงใกล้เคียงกับระดับปกติที่ 19.8% ในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะการจ่ายภาษีลดลงจากการประหยัดพลังงานตามสิทธิประโยชน์ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
เมื่อพิจารณาว่ากำไรงวด 9 เดือนปี 68 อาจอ่อนตัวลงกว่าคาดและประเด็นความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทยกับกัมพูชายังไม่จบในระยะสั้น เราคาดว่ารายได้ระยะยาวของ BDMS จะเติบโตในอัตราที่ต่ำกว่าคาด ดังนั้น เราจึงปรับลดประมาณการกำไรลงราว 7.1% อยู่ที่ 1.60 หมื่นล้านบาท (ทรงตัว YoY) ปี 2568F และลง 9.6% อยู่ที่ 1.77 หมื่นล้านบาท (+10.4% YoY) ปี 2569F บนสมมติฐานที่ i) ปรับลดรายได้ปี 2568F ลง 1.9% และปี 2569F ลง 3.7% และ ii) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นปี 2568F-69F ลงปีละ 1.0ppt
เรายังคงชื่นชอบ BDMS ด้วยแพลตฟอร์มโรงพยาบาลที่แข็งแกร่งพร้อมมีความหลากหลายที่ดีผ่านแบรนด์ต่างๆ อีกทั้ง BDMS ยังเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทั้งนี้ เราคงคำแนะนำ “ซื้อ” และขยับราคาเป้าหมายไปเป็นสิ้นปี 2569F ที่ 24.50 บาท (ใช้ WACC ที่ 8.0% และ TG ที่ 1.0%) จากเดิม32.00 บาท (ฐานปี 2568F และ TG ที่ 2%)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 68)





