M ร่วง 11.86% โปรบุฟเฟ่ต์พ่นพิษฉุดมาร์จิ้นดึงกำไรหดทั้ง YoY,QoQ แม้รายได้โต

เมื่อเวลา 09.58 น.ราคาหุ้น M ร่วง 11.86% ลดลง 3.50 บาท มาที่ 26.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 18.99 ล้านบาท จากราคาเปิด 26.25 บาท ราคาสูงสุด 27.00 บาท และราคาต่ำสุด 26.00 บาท

บล.เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ ระบุว่า บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป [M] รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 อยู่ที่ระดับ 226.19 ล้านบาท หดตัวกว่า 33.7%YoY และหดตัว 17.9%QoQ แม้รายได้จากการขายจะเติบโตกว่า 5.5%YoY และ 2.4%QoQ และมี SSSG (Same Store Sales Growth) เติบโตกว่า 5.4%YoY เป็นผลมาจากการจัดทำโปรโมชั่นบุฟเฟต์ในราคา 299 บาท และได้รับผลตอบรับอย่างดี แต่ผลจากโปรโมชั่นดังกล่าวได้ทำให้ Gross Profit Margin ลดลงมาที่ 63.9% จากระดับ 67.8% ในไตรมาส 3/67 และ 65.2% ในไตรมาส 2/68

ด้าน SG&A to Sales ใน ไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 58.4% ลดลงจาก 59.4% ใน ไตรมาส 3/67 และใกล้เคียงกับ 58.3% ในไตรมาส 2/68 ผลจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยที่ค่าใช้จ่ายบางส่วนไม่ได้มีการปรับเพิ่มขึ้นตามรายได้ กำไรสุทธิ 9M68 คิดเป็น 74.75% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 68

ทิศทางของผลประกอบการจะยังมีแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทมีการขยายฐานลูกค้าผ่านการเปิด Fighting Brand อย่าง Bonus Suki เพื่อชิงส่วนแบ่งในตลาดบุฟเฟต์สุกี้ ซึ่งมีการเปิดไปแล้ว 7 สาขาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่เปิดตัว และมีแผนจะขยายเพิ่มอีก 5 สาขาในเดือน พ.ย. 68 (สัปดาห์ละสาขา) ซึ่งจะทำให้ ณ สิ้นเดือน พ.ย.นี้ จะมีสาขาทั้งสิ้น 12 สาขา มีทั้งทำเลรอบกรุงเทพฯและต่างจังหวัด และการขยายสาขาจะต่อเนื่องไปยังเดือน ธ.ค.68 และตลอดปี 69

บวกกับการต่อโปรโมชั่นบุฟเฟต์ของแบรนด์ MK ไปจนถึง 18 ม.ค.69 เมื่อรวมกับการเข้าสูงช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วง ไตรมาส 4/68 จะช่วยหนุนให้รายได้และ SSSG ขยายตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ยังคงมีปัจจัยกดดันจากการลดลงของ Gross Profit Margin เนื่องมาจากการจัดโปรโมชั่นบุฟเฟต์ โดยคาดว่าจะฟื้นตัวอีกครั้งหลังสิ้นสุดโปรโมชั่นดังกล่าว แต่การฟื้นตัวของ GPM อาจถูกจำกัดด้วยการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดบุฟเฟต์ ซึ่งต้องติดตามผลตอบรับของแบรนด์ Bonus Suki หากสร้างยอดขายให้เติบโตได้มาก จะช่วยชดเชยผลลบจากการลดลงของ GPM ได้บางส่วน และปัจจัยที่ต้องติดตามเพิ่มเติมอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจในช่วงปี 69 นี้ แต่หากฟื้นตัวช้าอาจกดดันผลประกอบการ

เราคงประมาณการกำไรสุทธิของปี 68 และ 69 อยู่ที่ 983 ล้านบาท และ 1.1 พันล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการหดตัวกว่า 32%YoY ก่อนฟื้นตัว 9.2% ในปี 69 ประเมินราคาเป้าหมายปี 69 ที่ระดับ 25 บาท ด้วยวิธี DCF ที่ WACC ที่ 9.6% และ Terminal Growth ที่ 2.5% คงคำแนะนำ “ถือ” แม้การเข้าชิงส่วนแบ่งในบุฟเฟต์คือปัจจัยหนุนสำคัญต่อผลประกอบการ แต่การแข่งขันที่รุนแรงจะกดดันผลประกอบการ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ย. 68)