
ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี และประธานสภาความมั่นคงของยูเครน แถลงว่า ทางการยูเครนกำลังผลักดันให้มีการฟื้นกระบวนการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกับรัสเซียอีกครั้ง โดยตั้งความหวังว่าจะสามารถนำตัวชาวยูเครน 1,200 คนกลับคืนสู่มาตุภูมิได้
“เรา…เชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการแลกเปลี่ยนเชลยศึกได้อีกครั้ง” เซเลนสกีกล่าวผ่านวิดีโอบนแอปพลิเคชันเทเลแกรมวันนี้ (16 พ.ย.) “ขณะนี้ การประชุม การเจรจา และการติดต่อประสานงานทั้งหลายล้วนมุ่งไปสู่เรื่องนี้”
ขณะที่รุสเต็ม อูเมรอฟ ประธานสภาความมั่นคง กล่าวเมื่อวันเสาร์ (15 พ.ย.) ว่า ตนได้เดินทางไปพบปะหารือที่ประเทศตุรกีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยได้รับการสนับสนุนจากชาติพันธมิตรของยูเครน เพื่อผลักดันให้กระบวนการแลกเปลี่ยนเชลยศึกกลับมาเดินหน้าได้อีกวาระหนึ่ง
“ผลจากการเจรจาดังกล่าว ทำให้คู่เจรจาเห็นพ้องที่จะกลับไปยึดมั่นตามข้อตกลงอิสตันบูลอีกครั้ง ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับการปล่อยตัวชาวยูเครนจำนวน 1,200 คน” อูเมรอฟระบุในแถลงการณ์ผ่านเทเลแกรม
นับแต่มีข้อตกลงอิสตันบูลดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนเชลยศึกไปแล้วหลายพันนาย แต่กระบวนการมักเกิดขึ้นอย่างไม่ต่อเนื่องและต้องหยุดชะงักไปบ่อยครั้ง เมื่อสถานการณ์สู้รบในแนวหน้าทวีความดุเดือดขึ้น นับแต่รัสเซียเปิดฉากสงครามรุกรานยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565
อูเมรอฟเสริมว่า จะมีการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนและระเบียบปฏิบัติสำหรับกระบวนการแลกเปลี่ยนเชลยศึกในอนาคตอันใกล้นี้
“เรากำลังทำงานกันอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อให้ชาวยูเครนที่กำลังจะได้รับอิสรภาพจากการคุมขัง สามารถกลับไปเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาสที่บ้าน ร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวและผู้เป็นที่รักได้” อูเมรอฟกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 68)





