
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เผยความสำเร็จก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนความยั่งยืนของตลาดทุนไทย หลัง “SETCarbon” แพลตฟอร์มดิจิทัลในการจัดการข้อมูลคาร์บอนของภาคธุรกิจได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. ในประเภท “แพลตฟอร์มการรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร” สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันภาคธุรกิจไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างเป็นรูปธรรม
จุดเด่นที่แตกต่างของ SETCarbon จากแพลตฟอร์มอื่น ได้แก่ เทมเพลทข้อมูลกิจกรรมก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรมที่ง่ายต่อการจัดเก็บข้อมูล และความสามารถในการเชื่อมต่อกับหลายหน่วยงาน เช่น e-One Report ของตลาดหลักทรัพย์ฯ , ธนาคารและสถาบันการเงิน จะช่วยอำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจเข้าถึงสินเชื่อสีเขียวได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลท. กล่าวว่า การรับรองครั้งนี้เป็นการรับรองในระดับประเทศที่ยืนยันความน่าเชื่อถือของ SETCarbon และความถูกต้องของกระบวนการคำนวณ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่บริษัทจดทะเบียนและภาคธุรกิจไทยว่า ระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมาตรฐาน โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานการคำนวณก๊าซเรือนกระจกระดับสากล อาทิ Carbon Footprint for Organization (CFO), GHG Protocol และ ISSB (IFRS S2) ซึ่งสร้างความน่าเชื่อถือและสามารถใช้อ้างอิงได้ทั้งในและต่างประเทศ
คุณสมบัติเด่นของ SETCarbon ได้แก่ 1) ระบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มเดียว รองรับการคำนวณ จัดเก็บ วิเคราะห์ และรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกแบบ End-to-End ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูล และ 2) มาตรฐานระดับประเทศ SETCarbon ยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนา “ฐานข้อมูลคาร์บอนกลาง” (Anchor Dataset) ของประเทศ สร้างมาตรฐานข้อมูลเดียวกันสำหรับทุกภาคส่วน
นายศรพล กล่าวว่า การรับรองนี้มีอายุ 3 ปี โดย ตลท.เป็นหนึ่งใน 7 องค์กรในประเทศไทยที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อบก. ในประเภทดังกล่าว การได้รับการรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคธุรกิจไทยในการเดินหน้าสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2593 (2050)
นายศุภกร เอกชัยไพบูลย์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนาบริการด้านความยั่งยืน ตลท.กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของแพลตฟอร์มนี้คือเราเห็น Pain Point ของบริษัทขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ที่มีทรัพยากรจำกัดทั้งในเรื่องต้นทุนและบุคลากรเฉพาะทางในการคำนวณคาร์บอน เขาจึงต้องการซอฟต์แวร์ที่จะมาจัดการเรื่องนี้ได้อัตโนมัติ รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดความซ้ำซ้อนในการส่งข้อมูล
สำหรับแพลตฟอร์มเว็บไซต์ดังกล่าวจะมีอยู่ 5 ฟีเจอร์สำคัญเพื่อใช้รวบรวมข้อมูลคือ ตั้งค่าการใช้งาน, Emission Factor, กรอกข้อมูลกิจกรรม, การอนุมัติรายการ และ การทวนสอบข้อมูล ซึ่งเรามีลิสต์รายชื่อผู้ทวนสอบราว 16-17 รายให้บริษัทได้พิจารณาเลือกใช้บริการผู้ทวนสอบที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะในอุตสาหกรรมของตนเอง โดยระบุรายละเอียดของหน่วยงานและช่องทางติดต่อไว้เรียบร้อย
ปัจจุบัน SETCarbon ให้บริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแก่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ในอนาคตหากมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ ก็อาจมีการเก็บค่าบริการเฉพาะในส่วนนั้นได้
ขณะที่ลูกค้าที่ไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียน ปัจจุบัน ตลท.ก็ได้ให้บริการแค่ลูกค้าของธนาคารที่เป็นพันธมิตรกับเราคือ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ Exim Bank และ ธนาคารทหารไทยธนชาต [TTB] แต่ในช่วงต้นปี 69 จะประกาศความร่วมมือกับธนาคารอีก 1 แห่ง และปัจจุบันก็ยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับธนาคารอื่น ๆ อีกคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปีหน้า
“เราเปิดให้บริการ SETCarbon มาตั้งแต่เดือนม.ค. 68 มีบริษัทเข้ามาใช้งานแล้ว 299 แห่ง ซึ่งเราไม่ได้ตั้งเป้าในเชิงว่าจะต้องมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เพราะ SETCarbon เป็นเพียงแค่ทางเลือกหนึ่งเท่านั้นในการคำนวณคาร์บอน แต่หากบริษัทไหนที่มีการลงทุนทำระบบของตัวเองไปแล้วก็สามารถใช้ต่อไปได้” นายศุภกรกล่าว
สำหรับการพัฒนาต่อยอดระบบในระยะถัดไป ประกอบด้วย การพัฒนา Emission Scope 3 เพื่อรองรับการคำนวณคาร์บอนตลอดห่วงโซ่อุปทาน และ Dashboard สำหรับติดตามผลการดำเนินงานด้านคาร์บอนเทียบกับเป้าหมายทางการเงิน พร้อมพัฒนา Carbon Data API เพื่อให้หน่วยงานต่าง ๆ สามารถเชื่อมต่อและใช้ข้อมูลได้สะดวก รวมถึงการเพิ่ม GHG Protocol Template ให้ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม รวมทั้งมุ่งมั่นสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและสถาบันการเงิน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 68)





