
คำพูดที่ว่า “การตั้งราคาหุ้นไอพีโอที่สูงเกินไปราคาจึงต่ำจอง” เป็นการสรุปความที่ง่ายเกินไป แบบไม่ต้องใช้สมองคิดถึงความเป็นจริงที่มีอยู่อีกมากมาย
คำอธิบายว่า “เพราะตั้งราคาไอพีโอแพงเกินไป” จึงเป็นคำตอบที่ ง่าย สะดวก สำหรับใครบางคนที่หยิบยกขึ้นมาพูด แต่ไม่รอบครอบในการประเมินถึงสาเหตุที่แท้จริง
ทั้งที่ในความเป็นจริง สาเหตุแห่งการ “ต่ำจอง” ของหุ้นไอพีโอ มีความซับซ้อนที่เป็นเงื่อนไขอยู่มากมาย
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อมูลของ หุ้นไอพีโอ และตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา ราคาหุ้นของบริษัทน้องใหม่จำนวนมากตกลงเรื่อย ๆ แม้ว่าบางบริษัทจะมีกำไรที่ดีและมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรงก็ตาม
ดังนั้น การโทษว่า “เพราะตั้งราคาหุ้นไอพีโอที่แพงเกินไป” จึงเป็นเพียง “คำตอบระดับผิวเผิน” ซึ่งไม่สามารถอธิบายภาพรวมความเสื่อมของ Sentiment ของนักลงทุนไทยในขณะนี้ได้
ปัจจุบันภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ส่วนใหญ่เป็นทิศทางขาลง ราคาหุ้นส่วนใหญ่ตกลงอย่างหนักและอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่เฉพาะแค่หุ้นไอพีโอ เนื่องจาก
- มูลค่าซื้อขายในตลาดลดลงมาก
- ความเชื่อมั่นของนักลงทุนหายไป โดยมีสาเหตุมาจากทั้งปัจจัยภายในประเทศและต่างประเทศ
- นักลงทุนจำนวนมากลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นลง เปลี่ยนเป็นเงินสด และถือสินทรัพย์เสี่ยงต่ำเพิ่มขึ้น
- ราคาหุ้นหลายตัว ผลประกอบการดี แต่ราคาร่วงสวนทางกับพื้นฐาน
- ราคาหุ้นหลายตัว หลังขายไอพีโอ พอเข้าตลาดหุ้นแล้ว ราคาหุ้นต่ำกว่า Par ภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่ใช่แค่ต่ำจองวันแรก
สิ่งเหล่านี้ จึงไม่ใช่ สาเหตุของราคาหุ้นไอพีโอแพง และเป็นตัวชี้ชัดว่านักลงทุนไม่อยากซื้อแม้ราคาถูกลงแล้วก็ตาม
สำหรับความซับซ้อนในเชิงโครงสร้างของตลาดหุ้นไทยที่เป็นตัวสนับสนุน
1.Sentiment ตลาดและความเชื่อมั่นหายไป แม้ราคาหุ้นจะถูกลงมาก แต่นักลงทุนไม่กล้าเข้าซื้อ เพราะ
1.1 ภาวะเศรษฐกิจโตต่ำ
1.2 ดอกเบี้ยสูง
1.3 ความไม่มั่นใจนโยบายรัฐ
1.4 Fund flow ต่างชาติไหลออก
1.5 ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์
เมื่อความเสี่ยงเหล่านี้สูง นักลงทุนจะลด exposure โดยไม่สนใจราคาหุ้น ต่อให้ถูกแค่ไหน ต่ำ Par ก็ไม่สนใจ
2. Behavior นักลงทุนในตลาดปัจจุบันที่เปลี่ยนไป
2.1 การเป็น Short-term trader มากกว่านักลงทุนระยะยาว
2.2 จองซื้อหุ้นไอพีโอ เพื่อเก็งกำไรในวันแรก และเทขายทิ้ง โดยไม่สนพื้นฐานธุรกิจ หรือ ประสบการณ์ที่ยาวนานของบริษัท
ทั้งหลาย ทั้งปวงเหล่านี้ มีข้อสังเกตสำคัญที่น่าสนใจ
ถ้าหุ้นไอพีโอหลายบริษัทราคาร่วงจากราคาจอง จนถึงขั้นราคาหุ้นต่ำกว่า Par และราคาก็นิ่งไม่ไปไหน ทำให้เกิดคำถามที่ว่า
- ถ้าราคาถูกจริง ทำไมไม่มีใครซื้อ?
- ถ้าหุ้นพื้นฐานดีจริง ทำไมราคายังลง?
- ถ้าราคาปรับตัวลดลงหนักมาก ทำไมไม่มีจุดรีบาวด์?
ขอยกตัวอย่างเพื่อเปรียบเทียบกับหุ้นราคาแพง อย่าง บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) [DELTA] ที่เคยมีค่า PE 140-150 เท่า แพงแบบสุดขั้ว แต่ก็ยังมีกองทุนไล่ซื้อ เนื่องจากหุ้นตัวนี้มี liquidity, global demand, strong narrative จึงทำให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศพร้อมให้ราคา premium สำหรับ growth และ story ที่เชื่อมั่น
ดังนั้น การจะมาเคลมว่า “หุ้นราคาสูง” ไม่ได้แปลว่าคนจะไม่ซื้อ อย่างหุ้น DELTA
ในทางกลับกัน “หุ้นราคาถูก” ก็ไม่ได้แปลว่าจะมีคนแห่ซื้อ เหมือนหุ้นราคาเท่า Par หรือ ต่ำ Par ทั้งหลาย เพราะความเชื่อมั่น คือตัวกำหนดราคา ซึ่งอยู่เหนือเหตุผล หรือตัวเลขทางบัญชี
ฉะนั้น ไม่ใช่หุ้นต่ำจอง เหตุเพราะตั้งราคาสูงเกินไป หรือ หุ้นที่ขึ้นเหนือจอง +200 % เพราะตั้งราคาต่ำไป เหล่านี้เป็นต้น
บทเรียนที่ควรเรียนรู้จากเหตุการณ์หุ้นไอพีโอ ต่ำจอง
1.ตลาดหุ้นไทย ควรเปลี่ยนจาก “ตลาดเก็งกำไร” ไปสู่ “ตลาดลงทุนระยะยาว”
2.การประเมินมูลค่าสินทรัพย์ต้องพิจารณาพฤติกรรมคนไม่ใช่แค่ตัวเลข
3.โครงสร้างนักลงทุน ต้องเพิ่มนักลงทุนสถาบันที่มีคุณภาพ
4.เพิ่มความเชื่อมั่น เพราะเป็นสินทรัพย์สำคัญที่สุดของตลาดทุน
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทย เจอเหตุการณ์วิกฤติหุ้นไอพีโอมาหลายครั้ง และทุกครั้งเราก็ผ่านกันมาได้
แต่อย่างน้อย ในครั้งนี้ เราควรจะมี lesson learn ว่ามันเป็นเพราะอะไร มากว่าที่จะตอบแบบง่ายๆ และฟังดูเหมือนมีเหตุผล แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาเชิงระบบ และไม่ช่วยให้เกิดการเรียนรู้บทเรียนใด
แม้จะไม่เป็นคำกล่าวที่ผิด แต่มันเป็นเพียงแค่หนึ่งในเหตุผล ที่ไม่ใช่คำอธิบายทั้งหมดของสาเหตุการต่ำจองของหุ้นไอพีโอในช่วงนี้
สถานการณ์ของราคาหุ้นไอพีโอต่ำจองช่วงนี้ ไม่ใช่เพราะ “ตั้งราคาแพง” แต่เพราะ “ความเชื่อมั่น” ถูกตั้งราคาต่ำเกินไป
ธิติ ภัทรยลรดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 68)





