Easy money ปักหมุดเข้า SET เร่งปั๊มพอร์ตสินเชื่อแตะ 7 หมื่นล้านใน 3 ปี ย้ำคุณภาพลูกค้าเริ่ดทรัพย์หลุดจำนำต่ำ

นายสุรี พนาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ตั้งธนสิน จำกัด (อีซี่มันนี่ กรุ๊ป) เปิดเผยว่า ขณะที่บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อโตต่อเนื่องจนไปแตะระดับ 70,000 ล้านบาทภายใน 3 ปี เพื่อเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)

ในปี 68 คาดว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างของอีซีมันนี่จะเพิ่มขึ้นแตะ 28,000 ล้านบาท หรือเติบโต 35% จากปี 67 โดยได้รับอานิสงส์จากราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งลูกค้าใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น และประเมินว่าพอร์ตจะเติบโตต่อเนื่องแตะ 40,000 ล้านบาทในปี 69 หรือเติบโตขึ้นอีก 20% หากราคาทองคำยังอยู่ในระดับใกล้เคียงปัจจุบัน

และด้วยโมเดลธุรกิจที่เน้นสร้างโอกาสและลูกค้าส่วนใหญ่ของอีซี่มันนี่มีวินัยทางการเงินที่ดี ทำให้อัตราทรัพย์หลุดจำนำของ Easy Money อยู่ที่เพียง 4% หรือกว่า 90% ของลูกค้าสามารถไถ่ถอนทรัพย์สินคืนได้สำเร็จ ซึ่งบริษัทไม่มีการทวงหนี้ ทำให้ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดตามทวงหนี้ โดยบริษัทคิดอัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน ระยะเวลาสัญญา 5 เดือน หากลูกค้ายังไม่สะดวกส่งคืนสามารถขอยืดระยะเวลาได้

นายสิทธิวิชญ์ ตั้งธนาเกียรติ ประธานกรรมการบริหาร อีซี่มันนี่ กรุ๊ป เปิดเผยว่า “อีซี่มันนี่” มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนมุมมองของสังคมที่มีต่อโรงรับจำนำ เพื่อเป็น ‘เครื่องมือสร้างโอกาส’ ที่โปร่งใส รวดเร็ว และให้เกียรติผู้ใช้บริการ เพราะหนึ่งในช่องว่างสำคัญในระบบการเงินไทย คือ ผู้คนจำนวนมากมีทรัพย์สินอยู่ในมือ แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบ

ช่องว่างดังกล่าวเป็นเหมือน ‘จิ๊กซอว์ที่หายไป’ และเป็นที่มาของการก่อตั้ง อีซี่มันนี่ ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจได้เติบโตต่อเนื่องจนมีเครือข่าย 98 สาขา ใน 33 จังหวัดในเมืองเศรษฐกิจ และพอร์ตสินเชื่อคงค้างจำนวน 27,000 ล้านบาท โดยสินทรัพย์ที่นำมาจำนำได้แก่ ทองคำ เพชร นาฬิกา พระเครื่อง และสินค้าแบรนด์เนมต่าง ๆ ตามลำดับ

“คนไทยจำนวนมากมีศักยภาพในมืออยู่แล้ว แต่ระบบการเงินแบบเดิมมองไม่เห็นศักยภาพนั้น ผมเริ่มธุรกิจนี้ในฐานะ Startup Founder เพราะมองเห็น Pain Point ของระบบการเงินไทย คือมีคนจำนวนมาก โดยเฉพาะ ผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีทรัพย์สินอยู่ในมือ แต่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบหลักได้” นายสิทธิวิชญ์ กล่าว

ประเด็นสำคัญที่ อีซี่มันนี่ พยายามสื่อสารคือการสร้างความเข้าใจใหม่ว่า การใช้สินทรัพย์ค้ำประกันไม่ใช่การ’ก่อหนี้ใหม่’ แต่คือการ ‘กู้ยืมจากสินทรัพย์ของตัวเอง นี่คือหัวใจสำคัญ สินเชื่อทั่วไปคือการก่อหนี้ใหม่ที่ไม่มีหลักประกัน และมักแลกมาด้วยดอกเบี้ยที่สูงและติดเครดิตบูโร แต่ Asset-Backed Financing คือการกู้ตัวเอง ลูกค้ากำลังใช้สิทธิในสิ่งที่เขามี จึงปลอดภัยกว่า มีต้นทุนการเงินที่สมเหตุสมผลกว่า และให้อิสระอย่างแท้จริง

วิสัยทัศน์หลักของ อีซี่มันนี่ คือการยกระดับอุตสาหกรรมจากการเป็น ‘ทางออกฉุกเฉิน’ สู่การเป็น “ประตูสู่โอกาส’ เพื่อปลดล็อกศักยภาพสินทรัพย์ของคนไทย โดยทำหน้าที่เป็น ‘Bridging Loani (สินเชื่อระยะสั้น) หรือ ที่นายสิทธิวิชญ์เรียกว่า โรงเรียนอนุบาลทางการเงิน (Financial Kindergarten) ที่ช่วยให้ผู้คนคว้าโอกาสได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องเสียความเป็นเจ้าของในธุรกิจ

แนวคิดนี้มุ่งเน้นการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) สำหรับ ผู้มีทรัพย์ที่ต้องการ ต่อยอดโอกาส’ เช่น กลุ่มฟรีแลนซ์ และ SME ที่ระบบการเงินหลักมักมองข้าม โดยเปลี่ยนวิธีคิดจากการประเมินด้วย ‘รายได้’ มาเป็นการประเมินจาก ‘สินทรัพย์’ ที่พวกเขามีอยู่ในมือ

นายสุรี กล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ทำงานอย่างหนักเพื่อลบภาพจำเดิมของ ‘โรงรับจำนำ ‘ ที่เป็นเพียงทางเลือกสุดท้าย สู่การเป็นสถาบันการเงินทางเลือกที่มอบประสบการณ์ใหม่ ความไว้วางใจคือเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนเรา เรายกระดับมาตรฐานบริการและการดูแลที่ให้เกียรติลูกค้า เช่นการให้บริการในห้อง Private Consultation Room ที่สร้างความเป็นส่วนตัว

ความแข็งแกร่งของโมเดลธุรกิจนี้สะท้อนผ่านผลประกอบการ 10 เดือนแรกของปี 68 ที่บริษัทมีรายได้ 11,997 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,188 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.68% และ 43.960% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ โดยพอร์ตสินเชื่อคงค้างมีอัตราการเติบโต 30% จากปี 67 ได้อานิสงส์จากการปรับขึ้นของราคาทองคำ

ล่าสุด บริษัทยังได้รับการสนับสนุนวงเงินสินเชื่อจาก 3 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารออมสิน และธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ รวมมูลค่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่สถาบันการเงินมีต่อบริษัทฯ

นายสุธี กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติจะขับเคลื่อนผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่ ประสบการณ์ใหม่ (New Experience), เทคโนโลยีเพื่อบริการ (Technology for Service) และการพัฒนาคน (People-Centric) โดยเทคโนโลยีอย่าง Easy Smart Application ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อสร้างความสะดวกและโปร่งใส่ในการประเมินราคา, ส่งดอกเบี้ย หรือโอนเงิน แต่หัวใจสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ ‘คน’

“เราไม่ได้มุ่งหวังจะเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี แต่เทคโนโลยีจะไร้ความหมายถ้าขาดคน เราเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญกับคนอย่างแท้จริง เทคโนโลยีจะเข้ามาเสริมพลังให้คนของเราทำงานได้ดีขึ้น ไม่ไข่ทดแทนเทคโนโลยีที่ไม่มีคนที่มีหัวใจบริการก็ไร้ความหมาย และคนที่ไม่มีเทคโนโลยีก็ไม่สามารถส่งมอบบริการที่ดีที่สุดได้” นายสุธี กล่าว

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 68)