สธ.พบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 111 ราย ยอดสะสมเป็น 1,045 ราย

นพ.อนุพงศ์ สุจริตกุล ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ว่า วันนี้พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่มอีก 111 ราย ยอดสะสมเพิ่มเป็น 1,045 ราย โดยรักษาหายกลับบ้านแล้ว 88 ราย ยังรักษาอยู่ในรพ. 953 ราย มีทั้งอาการไม่รุนแรง รุนแรงปานกลาง ซึ่งยังต้องอยู่รพ.เพื่อรอผลตรวจให้เชื้อเป็นผลลบ หรือถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยงก็จะได้รับการรักษาที่เหมาะสม ส่วนผู้เสียชีวิตคงที่ 4 ราย

สำหรับผู้ป่วยใหม่ 111 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 ผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่ที่พบผู้ป่วยก่อนหน้านี้ จำนวน 29 ราย ได้แก่ กลุ่มสนามมวย 6 ราย ,กลุ่มสถานบันเทิง 3 ราย ,กลุ่มผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีรายงานมาแล้ว 19 ราย และกลุ่มที่เข้าร่วมพิธีทางศาสนาในประเทศมาเลเซีย 1 ราย

กลุ่มที่ 2 ผู้ป่วยรายใหม่ จำนวน 19 ราย ได้แก่ กลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ/ชาวต่างชาติ 6 ราย แบ่งเป็น คนไทย 5 รายและชาวอเมริกัน 1 ราย, กลุ่มผู้ทำงานหรืออาศัยในสถานที่แออัดต้องใกล้ชิดคนจำนวนมากหรือเกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ 9 ราย ทั้งที่ทำงานในสถานบันเทิง ขับรถสาธารณะ พนักงานโรงแรม ร้านนวด, บุคลากรทางการแพทย์ 3 ราย และผู้ป่วยที่เป็นปอดอักเสบไม่ทราบสาเหตุ 1 ราย

กลุ่มที่ 3 ผู้ที่ได้รับผลยืนยันทางห้องปฏิบัติการพบเชื้อแต่อยู่ระหว่างรอสอบสวนโรค 63 ราย

ส่วนที่อาการหนัก 4 ราย ทุกรายต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในโรงพยาบาล

ในส่วนของบุคลากรทางการแพทย์ ปัจจุบันพบมีทั้งหมด 9 ราย ส่วนใหญ่มาจากการที่คนไข้ปกปิดข้อมูล เนื่องจากการอาการที่มาพบแพทย์ แรกเริ่มมีอาการคล้ายกับไข้เลือดออกและใส่เครื่องป้องกันไม่ดีพอ ซึ่งต้องยอมรับว่าบุคลากรทางการแพทย์ จัดเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องเฝ้าระวัง โดยทางกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการเน้นย้ำให้ทุกคนสวมใส่ชุดป้องกัน(PPE) ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 มาโดยตลอด

“กระทรวงสาธารณสุขได้กำชับให้สถานพยาบาลทุกแห่งเคร่งครัดมาตรการป้องกัน ควบคุมการป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล ที่สำคัญหากผู้ป่วยปกปิดประวัติการเจ็บป่วย ประวัติความเสี่ยง จะส่งผลให้ผู้ให้บริการ แพทย์ พยาบาล เสี่ยงติดเชื้อโรคไปด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะกระทบต่อระบบการรักษาพยาบาล ทำให้มีแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ กลายเป็นผู้ป่วย เป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง ต้องกักกันตัวเองทำให้ไม่มีบุคลากรเพียงพอที่จะดูแลผู้ป่วย”

นพ.อนุพงศ์ กล่าวว่า จากจำนวนผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นทะลุหลักพันเร็วกว่าที่ได้คาดการณ์ไว้เล็กน้อย แต่ทั้งหมดยังทราบประวัติที่มาที่ไป โดยกลุ่มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ กลุ่มผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายเก่าที่เคยรายงานแล้ว ทั้งกลุ่มสนามมวย กลุ่มสถานบันเทิง กลุ่มกลับจากงานบุญ พบประมาณ 20-30 รายต่อวัน แสดงว่าประชาชนกลุ่มเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำในเรื่องการเว้นระยะห่าง (Social Distancing) ในบ้าน ทำให้นำโรคมาแพร่ให้ แม่ พ่อ สามี ภรรยา ลูก หลาน

“กลุ่มสนามมวยและสถานบันเทิง ยังพบต่อเนื่อง สงครามยังไม่จบ ขอเรียกร้องให้ผู้สัมผัสเข้ามารับการตรวจ เพื่อความสบายใจ”

ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ยังเป็นกลุ่มเสี่ยง มีอาชีพทำงานสัมผัสกับชาวต่างชาติ ทำงานในสถานบันเทิง พบทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด วันละประมาณ 10-20 ราย แสดงถึงความตระหนักเรื่องการป้องกันตัวเองของประชาชนยังไม่ดีพอ ยังไม่งดการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ยังไปในพื้นที่คนแออัด ไม่สวมหน้ากากอนามัย ไม่หมั่นล้างมือ

อย่างไรก็ตาม ยังพบผู้ป่วยในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งมาจากความรวดเร็วของระบบคัดกรองผู้ป่วย ผู้เข้าเกณฑ์เฝ้าระวัง เมื่อได้รับรายงานผู้ป่วย เจ้าหน้าที่ควบคุมโรคในพื้นที่จะเข้าไปค้นหาผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเข้าระบบทันที ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในกรุงเทพฯ และภาคใต้ได้ค่อนข้างสูง ส่วนภาคอื่นๆ ยังมีผู้ป่วยประปรายเนื่องจากประชาชนยังไม่งดการเดินทาง

“จากการคาดการณ์หากพบตัวเลขผู้ป่วยหลักร้อยไปถึง 30 เมษายน 2563 จะมีผู้ป่วยสะสม 3,500 คน อาจเพราะเราออกมาตรการไม่แรงพอ ประชาชนยังออกมาทำกิจกรรมร่วมกันอยู่ แต่ถ้าทุกคนร่วมมือกันตัวเลขจะไม่สูง”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มี.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top