ดาวโจนส์ปิดบวกเพียง 32.62 จุด นักลงทุนกังวลทิศทางการค้าสหรัฐ-จีน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ หลังจากสื่อรายงานว่า สหรัฐจะไม่ปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติม จนกว่าจะถึงวันหลังเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. ซึ่งรายงานข่าวดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับทิศทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,939.67 จุด เพิ่มขึ้น 32.62 จุด หรือ +0.11%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,283.15 จุด ลดลง 4.98 จุด หรือ -0.15%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,251.33 จุด ลดลง 22.60 จุด หรือ -0.24%

ในการซื้อขายระหว่างวันนั้น ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด และทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ที่เหนือระดับ 29,000 จุด ขานรับข่าวสหรัฐและจีนเตรียมลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกในวันพุธนี้ แต่ก่อนที่ตลาดจะปิดทำการไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์ลดช่วงบวก หลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ภาษีนำเข้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีนในปัจจุบันนั้น จะยังคงมีผลบังคับใช้ไปจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้ ส่วนการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มเติมในวันข้างหน้านั้น จะขึ้นอยู่กับว่าจีนจะปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในข้อตกลงการค้าเฟสแรกหรือไม่

รายงานข่าวระบุว่า ทั้งจีนและสหรัฐมีความเข้าใจตรงกันว่า หลังจากการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกที่ทำเนียบขาวในวันพุธที่ 15 ม.ค.เสร็จสิ้นลงไม่เกิน 10 เดือน สหรัฐจึงจะเริ่มทำการทบทวนความคืบหน้าและความเป็นไปได้ในการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพิ่มเติมอีก 3.60 แสนล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เทมิส เทรดดิ้ง ในรัฐนิวเจอร์ซี กล่าวว่า ทันทีที่สื่อรายงานข่าวดังกล่าว ดัชนีดาวโจนส์ก็อ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่นักลงทุนจำนวนหนึ่งมองว่าข้อพิพาทการค้าระหว่างทั้งสองประเทศอาจจะยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 5.4% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 0.93 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.12 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดีดตัวขึ้น 1.17% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 2.57 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.36 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยเปิดกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 1.90 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.84 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ทะยานขึ้น 3.3% หลังจากทางสายการบินเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 1.70 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.40 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นพินเทเรสท์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์รวบรวมรูปภาพ พุ่งขึ้น 9.6% หลังจากมีรายงานว่า จำนวนผู้ใช้งานพินเทเรสท์ในสหรัฐ แซงหน้าจำนวนผู้ใช้งานของสแนป อิงค์ ส่งผลให้พินเทเรสท์ก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่อันดับ 3

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทั่วไปเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนม.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนม.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ม.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top