แนะ”ซื้อ” SEAFCO ลุ้นรับงานเพิ่มทั้งภาครัฐ-เอกชน ราคาหุ้นถูก-ปันผลสูง

โบรกเกอร์ แนะนำ”ซื้อ”หุ้นบมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) มองมีโอกาสได้รับงานทั้งจากโครงการภาครัฐและเอกชนเพิ่มขึ้น หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายก็จะส่งผลให้มีงานประมูลออกมามากขึ้น รวมถึงยังมีโอกาสได้งานบางส่วนจากบมจ.ช.การช่าง (CK) ในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จากการที่มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ประกอบกับงานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่สูงกว่า 2 พันล้านบาท ก็จะช่วยหนุนผลประกอบการในระยะต่อไป

นอกจากนี้ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง จ่ายปันผลอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ประกอบกับราคาหุ้นที่ปรับลดลงมาก่อนหน้านี้ จนทำให้อยู่ในระดับต่ำกว่าพื้นฐานค่อนข้างมาก โดยมีการซื้อขายในระดับ P/E ที่ต่ำกว่ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ทำให้ยังน่าสนใจในการลงทุน

พักเที่ยงราคาหุ้น SEAFCO อยู่ที่ 5.05 บาท ลดลง 0.07 บาท หรือ 1.41% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 2.15%

โบรกเกอร์  คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
ทิสโก้  ซื้อ 8.20
ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ  ซื้อ 6.61
เอเชีย เวลท์  ซื้อ 7.30
ฟินันเซีย ไซรัส  ซื้อ 6.90
เอเซีย พลัส  ซื้อ 8.20
หยวนต้า (ประเทศไทย)  ซื้อเก็งกำไร 6.24

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า SEAFCO เป็นหุ้นในกลุ่มเสาเข็มที่คาดว่าจะมีโอกาสได้รับงานก่อสร้างต่อจาก CK เพราะมีประสบการณ์การทำงานร่วมกันมานาน โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Backlog ที่ ณ สิ้นไตรมาส 1/63 มีกว่า 2 พันล้านบาท อย่างไรก็ตามหากได้งานดังกล่าวในปีนี้ก็จะยังไม่มีผลต่อผลการดำเนินงาน เพราะการก่อสร้างน่าจะเริ่มได้ในปีหน้า

ขณะเดียวกัน SEAFCO น่าจะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ค่อนข้างจำกัดในช่วงที่ผ่านมา แม้หลายธุรกิจในประเทศต้องหยุดกิจกรรมชั่วคราวเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด แต่ภาคการก่อสร้างรับเหมายังคงเดินหน้าต่อไปได้ อีกทั้งหลังสถานการณ์คลี่คลาย ก็มีโอกาสที่จะมีงานภาครัฐออกมาประมูลมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้ SEAFCO มีโอกาสจะได้รับงานก่อสร้างเพิ่มเติม

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 ที่ทำกำไรสุทธิได้ 94 ล้านบาท ลดลง 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีฐานที่สูง แต่ก็สอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ พร้อมทั้งคาดว่าทั้งปี 63 จะสามารถทำกำไรเติบโต 10% และเติบโตอีกราว 10% ในปี 64 ตามการทยอยรับรู้ Backlog และปริมาณงานใหม่ที่จะเข้ามา

นอกจากนี้ยังประเมินว่าอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ค่อนข้างสูงเกือบ 6% ในปีนี้ ประกอบกับราคาหุ้นที่ยังต่ำ โดยมีการซื้อขาย P/E ราว 8 เท่า ต่ำกว่าอุตสาหกรรมรับเหมาที่มี P/E ราว 20 เท่า ทำให้มีความน่าสนใจการลงทุน

“แนวโน้มอุตสาหกรรมก็ไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด เพราะเป็น sector ที่งานก่อสร้างยังทำได้ไม่มีปัญหาอะไร…ช่วงนี้นักลงทุนอาจยังไม่สนใจมากนักเพราะภาครัฐยังไม่มีงานประมูลออกมามาก ๆ ช่วงนี้ แต่ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าก็จะมีความน่าสนใจมากขึ้นเพราะน่าจะเริ่มมีงานประมูลออกมามาก”

นายอภิชาติ กล่าว

ด้านบทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุว่า SEAFCO มีฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 1/63 ด้วยอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำเป็น 0.36 เท่า แม้ได้เพิ่มจาก 1 ปีก่อนหน้าที่ 0.06 เท่า มูลค่าทางบัญชีต่อหุ้นเป็น 2.30 บาท ด้านกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอยู่ที่ 191 ล้านบาท มากกว่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่อยู่ระดับ 76 ล้านบาท ขณะที่ SEAFCO ได้ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.03 บาท ซึ่งเป็นไปตามนโยบายที่จะจ่ายทุกไตรมาส โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD 29 พ.ค.63 และจ่ายปันผล 11 มิ.ย.63

อย่างไรก็ตามได้ปรับประมาณการกำไรของ SEAFCO ลงเล็กน้อย สำหรับปี 63 และปี 64 ในอัตราปีละ 2% สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับลงกว่าคาดเป็น 19.5% จากเดิมที่ 21.3% แม้ว่าได้ปรับประมาณการเพิ่มในส่วนรายได้ปีละ 4.7% ตาม Backlog ที่มีอยู่มาก ณ สิ้นไตรมาส 1/63 ที่ราว 2.5 พันล้านบาท และปรับลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายขายและบริหารเทียบกับรายได้เป็น 4.5% จากเดิมที่ 5.2% หลังไตรมาส 1/63 ทำได้ดี โดยหลังปรับประมาณการคาดว่ากำไรปีนี้อยู่ในเกณฑ์ทรงตัว ก่อนจะกลับมาเติบโต 3% ในปี 64

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่า SEAFCO มีโอกาสได้รับงานเสาเข็มอีกมากจากงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ทางยกระดับ ทางด่วน และรถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นต้น รวมถึงงานขนาดใหญ่ เช่น รถไฟฟ้าสายสีส้ม สายสีม่วง โดยเฉพาะงานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่ CK ได้งานไปส่วนหนึ่ง ขณะที่มีมูลค่างานฐานรากสูงกว่า 1 หมื่นล้านบาท และ SEAFCO ก็มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับ CK มาอย่างยาวนาน

ด้านฐานะการเงินแข็งแกร่ง จ่ายปันผลได้อยู่ในเกณฑ์ดีคาดว่าปี 63 และปี 64 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5.1% และ 5.3% ตามลำดับ และประเมินมูลค่าหุ้นเทรด P/E ปี 63 ขณะนี้เป็น 9.17 เท่า เทียบเฉลี่ย 5 ปีที่ 15.6 เท่า ถือว่าราคาหุ้นปรับลงมาจนต่ำกว่าราคาพื้นฐานอยู่มาก

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า SEAFCO มีงานในมือเตรียมรับรู้รายได้ต่อเนื่องราว 2.1 พันล้านบาท มาจากงานก่อสร้างโรงเรียนและโครงการทางด่วนพระราม 3 เป็นหลัก โดยนับจากต้นปีมีงานที่ได้รับวงเงินรวม 669 ล้านบาท คิดเป็น 22% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 3 พันล้านบาท โดยคาดหวังงานใหม่ที่อยู่ระหว่างเข้าประมูลทั้งหน่วยงานภาคเอกชน เช่น งานโรงเรียน โรงพยาบาล โดยเฉพาะจากงานรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบินซึ่งมีมูลค่างานก่อสร้าง โดยเฉพาะงานฐานราก 1.2 หมื่นล้านบาท รวมถึงยังมีงานรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากสายสีส้ม และสีม่วง ซึ่งเป็นงานที่เป็นโอกาสต่องานใหม่ที่เพิ่มขึ้นสำหรับปี 64 ด้วย

ทั้งนี้ SEAFCO มีจุดเด่นจากงานในมือสูงรองรับรายได้ภายในปี 63 ได้ไม่ต่ำกว่า 70% ขณะเดียวกันมีโอกาสรับงานต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ ทั้งจากกลุ่มผู้ประกอบการจากภาคเอกชน เช่น กลุ่มธุรกิจในโครงการมิกซ์ยูส และงานภาครัฐ เช่น รถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ งานมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top