KBANK เผยกำไรปี 62 โต 0.7% ตามรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่ม

KBANK เผยกำไรปี 62 โต 0.7% ตามรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่ม แม้ NPL-สำรองฯเพิ่มรับมือเศรษฐกิจชะลอ

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 62 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 38,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 268 ล้านบาท หรือ 0.70% จากปี 2561 มีกำไรสุทธิจำนวน 38,459 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 4,150 ล้านบาท หรือ 4.21% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.31%

นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 858 ล้านบาท หรือ 1.51% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง รวมทั้งการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK)

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 4,381 ล้านบาท หรือ 6.41% หลัก ๆ เกิดจากกิจกรรมประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ และกิจกรรมทางการตลาด ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของธนาคาร ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 45.32%

ทั้งนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ อย่างรอบคอบเพื่อให้สอดคล้องกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง

ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/62 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 3/62 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 8,802 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 1,149 ล้านบาท หรือ 11.55% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 526 ล้านบาท หรือ 2.02% ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ อยู่ที่ระดับ 3.25% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 385 ล้านบาท หรือ 2.44% ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากรายได้จากการจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 3,374 ล้านบาท หรือ 18.95% ซึ่งเป็นปกติตามฤดูกาล รวมถึงกิจกรรมประชาสัมพันธ์สร้างแบรนด์ และกิจกรรมทางการตลาด โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ทางธุรกิจของธนาคาร ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ในไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ 50.75% นอกจากนี้ ธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงจากไตรมาสก่อน

สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 3.65% ขณะที่สิ้นปี 61 อยู่ที่ 3.34% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 อยู่ที่ระดับ 148.60% โดยสิ้นปี 2561 อยู่ที่ 160.60% สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 อยู่ที่ 19.62% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.19%

ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,293,889 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 61 จำนวน 138,798 ล้านบาท หรือ 4.40% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ และการเติบโตของสินเชื่อ

“สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 62 ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนนัก โดยภาคการส่งออกยังคงหดตัวลงท่ามกลางผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าและสัญญาณชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่าสหรัฐฯ และจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าระยะที่ 1 และได้ลงนามข้อตกลงดังกล่าวในเดือนมกราคม 63 ก็ตาม นอกจากนี้บรรยากาศการลงทุนภาคเอกชนและรัฐบาลก็ยังคงมีทิศทางชะลอตัว ขณะที่แม้การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ก็เริ่มชะลอลงในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมีผลช่วยประคองกำลังซื้อในประเทศได้บางส่วนในช่วงปลายปี” นางสาวขัตติยา กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top